บาริสต้าคือใคร ถ้าอยากเป็นนักชงกาแฟต้องเตรียมตัวอย่างไร?

คนรุ่นใหม่ส่วนมากอยากเปิดร้านกาแฟเป็นของตัวเอง และบาริสต้าคืออาชีพในฝันของคนที่รักการดื่มกาแฟเป็นชีวิตจิตใจ ทั้งสองความตั้งใจนี้ดูคล้ายจะเป็นเรื่องเดียวกัน นั่นคือมีร้านกาแฟ ก็ต้องมีบาริสต้า แต่ในความจริงกลับไม่เป็นเช่นนั้น ร้านกาแฟจำนวนไม่น้อยที่แม้จะขายดี แต่ไม่มีบาริสต้าประจำร้าน มีเพียงพนักงานชงกาแฟที่ปรุงกาแฟตามสูตรเพื่อจำหน่ายให้กับลูกค้าเท่านั้น
บาริสต้าคือใคร?
หลายคนอาจคิดว่า บาริสต้าคือคนชงกาแฟ แต่ที่จริงไม่ใช่ บาริสต้าคือคนที่ต้องมีความรอบรู้เรื่องกาแฟเป็นอย่างดี ตั้งแต่สายพันธุ์กาแฟ, กรรมวิธีการปรุงอย่างละเอียด ทั้งการชง การคั่ว ไปจนถึงการตกแต่งหน้ากาแฟ หรือ Latte Art หัวใจสำคัญของการเป็นบาริสต้าคือความแม่นยำในการชงกาแฟแบบแก้วต่อแก้วให้มีสัดส่วนที่แน่นอน ความรู้ลึกเรื่องรสชาติของเมล็ดกาแฟชนิดต่าง ๆ และความรู้รอบในศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับการทำกาแฟ
บาริสต้าคือคนที่ต้องผ่านการฝึกฝนด้านการชงกาแฟอย่างหนักจนเกิดเป็นทักษะความชำนาญ และสามารถสร้างสรรค์เมนูกาแฟออกมาได้อย่างไร้ที่ติ ด้วยการประยุกต์เอาความรู้ด้านกาแฟกลั่นกรองออกมาเป็นกาแฟรสชาติเยี่ยมเพื่อเสิร์ฟให้ลูกค้า ขณะเดียวกันบาริสต้ายังต้องมีใจรักในการบริการ และเรียนรู้การทำงานอย่างเป็นระบบ เพราะบาริสต้าคือกำลังสำคัญของร้านกาแฟ ไม่ต่างจาก Executive Chef ในภัตตาคารชั้นเลิศ

ต้นกำเนิดของบาริสต้า มาจากไหน?
คำว่า "Barista" และอาชีพบาร์เทนเดอร์ชงกาแฟ เกิดขึ้นครั้งแรกใน อิตาลีราวปี 1938 ช่วงเวลานี้ตรงกับยุคที่ Coffee House เริ่มได้รับความนิยมในกลุ่มชนชั้นแรงงาน และเป็นช่วงเดียวกับที่ เครื่องเอสเปรสโซ (Espresso Machine) ถูกคิดค้นขึ้น
ในภาษาอิตาลี Barista หมายถึง "Bartender" หรือผู้ดูแลบาร์ โดยเดิมเป็นคนชงเครื่องดื่ม ไม่ผสมแอลกอฮอล์ และทำหน้าที่ชง เอสเพรสโซช็อตให้สมบูรณ์แบบ ต่อมาความหมายจึงขยายไปสู่ ผู้เชี่ยวชาญกาแฟ ที่สามารถชงกาแฟได้หลายรูปแบบตามเมนูที่พัฒนาขึ้นทุกวัน
ความแตกต่างระหว่าง พนักงานชงกาแฟ บาริสต้า และบาร์เทนเดอร์
| ประเภท/บทบาท | พนักงานชงกาแฟ | บาริสต้า | บาร์เทนเดอร์ |
|---|---|---|---|
| ความเชี่ยวชาญ | ชงตามสูตรที่กำหนดไว้ | เชี่ยวชาญด้านกาแฟครบวงจร ตั้งแต่สายพันธุ์ การคั่วบด การชง การตกแต่งแก้ว และคิดค้นเมนูใหม่ | เชี่ยวชาญด้านเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบางเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ |
| หน้าที่หลัก | ชงกาแฟตามมาตรฐานร้าน | ชงกาแฟ สร้างสรรค์เมนูใหม่ ตกแต่งแก้ว ให้คำแนะนำลูกค้า ดูแลคุณภาพรสชาติ | เตรียมและผสมเครื่องดื่มทั้งแบบมีและไม่มีแอลกอฮอล์ เช่น ค็อกเทล โมคเทล ไวน์ เบียร์ วิสกี้ |
| การสร้างสรรค์เมนู | ไม่มี | มีความสามารถสร้างสรรค์เมนูใหม่ได้ | จำกัดตามสูตรเครื่องดื่มบาร์เทนเดอร์ |
| ความรู้เรื่องเครื่องดื่ม | พื้นฐานตามสูตรร้าน | ลึกซึ้งเรื่องกาแฟและรสชาติ | ลึกซึ้งเรื่องเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และส่วนผสม |
| บทบาทในร้าน | สนับสนุนการทำงานของบาริสต้า | ควบคุมคุณภาพและประสบการณ์กาแฟของร้าน | ให้บริการเครื่องดื่มในบาร์และสร้างประสบการณ์ด้านเครื่องดื่มแก่ลูกค้า |
| ลูกค้าเป้าหมาย | ลูกค้าที่สั่งเครื่องดื่มตามเมนูปกติ | ลูกค้าที่สนใจรสชาติและคุณภาพกาแฟ รวมถึงต้องการคำแนะนำ | ลูกค้าที่สั่งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือเครื่องดื่มพิเศษที่ไม่ใช่กาแฟ |
ทำไมการเป็นบาริสต้าถึงได้รับความนิยม?
อาชีพบาริสต้ากำลังเป็นที่นิยมมากขึ้น เพราะเทรนด์การดื่มกาแฟกลายเป็นไลฟ์สไตล์ยอดนิยม ส่งผลให้ความต้องการบาริสต้าสูงตามไปด้วย และงานบาริสต้าก็ ไม่จำเจ เพราะนอกจากชงกาแฟ ยังได้เรียนรู้เรื่องเมล็ดกาแฟหลากหลายชนิด ทดลองสร้างสรรค์เมนูใหม่ ๆ และฝึกศิลปะในการทำลาเต้อาร์ต
บรรยากาศในร้านกาแฟมักเป็นกันเอง ทำงานผ่อนคลาย และเปิดโอกาสให้พบปะผู้คนใหม่ ๆ สร้างเครือข่ายและความสัมพันธ์ อีกทั้งอาชีพบาริสต้าก็สามารถสร้างรายได้ที่ดีได้ด้วย
คุณสมบัติของบาริสต้า มีอะไรบ้าง?
ไม่ใช่แค่เพียงชอบดื่มกาแฟ แต่การจะเป็นบาริสต้าที่ดีนั้นต้องมีคุณสมบัติเบื้องต้น 4 ข้อสำคัญ ที่จะพาไปสู่การเป็นบาริสต้ามืออาชีพ นั่นคือ
1. ความหลงใหลในกลิ่นและรสชาติของกาแฟ
เพราะการเป็นบาริสต้าไม่ใช่แค่การปรุงและชิมกาแฟแบบทั่วไป แต่จะต้องชิมและวิเคราะห์รสชาติของกาแฟสายพันธุ์ต่างๆ และมีความรู้เกี่ยวกับกาแฟอย่างรอบด้าน พร้อมผสานความคิดสร้างสรรค์เพื่อคิดค้นเมนูกาแฟสุดพิเศษอยู่เสมอ
2. ความช่างสังเกตและจดจำ ใส่ใจในทุกกระบวนการทำงาน
ทั้งในการคัดเลือกกาแฟ การชง และการบริการ เพื่อจะได้นำเสนอสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า พร้อมปรับปรุงงานให้ดีขึ้นในครั้งต่อๆ ไป
3. ความซื่อสัตย์
ต้องคัดเลือกกาแฟคุณภาพดีให้กับลูกค้า และใส่ใจความสะอาดในทุกขั้นตอน
4. ความใจกว้าง
รู้จักเปิดใจยอมรับคำวิจารณ์ และน้อมรับมาแก้ไข พัฒนาฝีมือ รวมทั้งรับฟังเสียงของลูกค้า เพื่อนำมาปรับปรุงอย่างจริงใจ
อยากเป็นบาริสต้า ต้องเรียนอะไร?
ปัจจุบันมี สถาบันมากมายที่เปิดหลักสูตรบาริสต้า ระยะสั้น ทำให้ผู้เรียนสามารถเริ่มชงกาแฟได้ในเวลาไม่นาน แต่การเป็นบาริสต้าจริง ๆ ไม่ได้ขึ้นอยู่แค่การเรียนจบหลักสูตรเท่านั้นบาริสต้าต้อง สะสมประสบการณ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อเข้าใจการคั่วกาแฟแต่ละระดับ รู้จัก คาแรคเตอร์ของเมล็ดกาแฟแต่ละชนิด และสามารถชงเครื่องดื่มให้รสชาติเข้มข้นสมบูรณ์ พร้อมทั้ง ตกแต่งแก้วกาแฟให้สวยงามและมีเอกลักษณ์ สิ่งเหล่านี้ต้องอาศัยทั้งทักษะและความรักในกาแฟ
วิธีเตรียมความพร้อมก่อนเป็นบาริสต้า มีอะไรบ้าง
การเป็นบาริสต้าคือการเรียนรู้ศาสตร์แห่งกาแฟอย่างรอบด้าน โดยต้องเรียนรู้ 4 หัวข้อต่อไปนี้อย่างละเอียด คือ
1. วิธีเลือกเมล็ดกาแฟ
เริ่มจากการรู้ที่มาของเมล็ดกาแฟ เช่น Single Origin คือ กาแฟที่ได้มาจากแหล่งปลูกเพียงแหล่งเดียว และเป็นตัวแทนรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ของพื้นที่นั้น Blend คือการผสมผสานกาแฟหลากหลายสายพันธุ์เพื่อให้ได้รสสัมผัสตามต้องการ นอกจากนี้ยังต้องรู้ระดับการคั่วกาแฟซึ่งมีผลต่อรสชาติของกาแฟ และเหมาะกับเมนูกาแฟที่แตกต่างกัน และต้องรู้วิธีเลือกซื้อวัตถุดิบจากร้าน รวมถึงการสต็อกกาแฟอย่างพอเหมาะ เพื่อให้กาแฟมีสภาพสมบูรณ์ก่อนนำไปชงเสิร์ฟ
2. วิธีการชิมกาแฟ
บาริสต้าที่ดีจะต้องรู้วิธีการชิมกาแฟที่ถูกต้อง เพื่อจะได้พิจารณากลิ่นและรสชาติของกาแฟได้อย่างถี่ถ้วน โดยเริ่มจากการสูดดมกลิ่นของกาแฟ (Aroma) จากนั้นจึงสูดกาแฟให้มีเสียงดัง หรือการ Slurp การชิมวิธีนี้จะปิดโพรงจมูก และช่วยปรับอุณหภูมิของกาแฟให้เย็นลง ทำให้เข้าถึงรสชาติที่แท้จริงของกาแฟได้ดีขึ้น (Flavor) พิจารณารสชาติของน้ำกาแฟในปากว่ามีความเป็นกรดจากผลไม้และมีสมดุลของรสชาติที่นุ่มนวล (Acidity) จากนั้นให้อมกาแฟไว้สักครู่ เพื่อสัมผัสความเข้มข้นของกาแฟ (Body) สุดท้ายคือสังเกตกลิ่นและรสชาติของกาแฟที่อบอวลอยู่ในปากหลังจากกลืนน้ำลายแล้ว (After Test)
3. วิธีชงกาแฟแบบมืออาชีพ
วิธีชงกาแฟให้ได้รสชาติดีนั้นมีหลายเทคนิค และทำได้โดยใช้อุปกรณ์ชนิดต่าง ๆ ซึ่งให้ผลลัพธ์ที่ต่างกัน โดยอุปกรณ์ที่นิยมใช้มากที่สุดคือเครื่องชงกาแฟเอสเปรสโซ่ หรือ Espresso Machine บาริสต้าต้องมีความชำนาญในการใช้เครื่องชงเพื่อให้เกิดเอสเปรสโซ่ช็อตที่สมบูรณ์แบบ คือมีเครมม่าสีทองด้านบน มีรสสัมผัสดี และได้กลิ่นหอม บอดี้ส่วนกลางสีน้ำตาลคาราเมล และส่วนฮาร์ทที่ก้นถ้วยมีสีเข้ม รสชาติขม เอสเปรสโซ่ช็อตที่ดีคือพื้นฐานก่อนนำไปทำเมนูกาแฟอื่น ๆ ทั้ง เอสเพรสโซ่ อเมริกาโน คาปูชิโน มอคค่า และลาเต้ นอกจากนี้ยังมีเทคนิคการชงกาแฟอื่น ๆ ที่บาริสต้าต้องเรียนรู้ อาทิ Drip Coffee หรือการสกัดกาแฟให้น้ำไหลผ่านผงกาแฟที่กรองโดยฟิลเตอร์ Moka Pot หรือการต้มน้ำเพื่อกลั่นไอจากผงกาแฟ การใช้ Syphon หรือการสกัดกาแฟแบบสุญญากาศ
ไม่เพียงเท่านั้น บาริสต้ายังต้องเรียนรู้ศิลปะแห่งการทำกาแฟที่เรียกว่า ลาเต้อาร์ต (Latte Art) หรือการวาดลวยลายลงบนฟองนมด้วยเทคนิคต่าง ๆ ทั้งการเทแบบอิสระ ที่ต้องอาศัยสมาธิและความชำนาญ การลากเส้นสายลงบนหน้ากาแฟให้เกิดความสวยงาม สร้างความประทับใจให้กับกาแฟแก้วพิเศษ
4. วิธีการบำรุงรักษาเครื่องมือ
ไม่ว่าจะใช้เครื่องมืออะไรในการชงกาแฟ บาริสต้าจำเป็นต้องรู้วิธีการใช้และการเก็บรักษาที่ถูกต้อง เพื่อให้อุปกรณ์พร้อมใช้งาน และช่วยรังสรรค์กาแฟให้ออกมาได้อย่างไม่มีที่ติ
การจะเป็นบาริสต้ามืออาชีพนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย นอกจากต้องสะสมความรู้ ยังต้องสั่งสมประสบการณ์ด้านกาแฟให้มากพอจนเกิดทักษะความชำนาญ แต่อย่างไรก็ดี หากคุณเป็นคนหนึ่งที่หลงใหลในการดื่มกาแฟ และอยากรังสรรค์กาแฟแล้วโปรดได้ด้วยตัวเอง คุณก็สามารถเป็นบาริสต้าได้ด้วยการใช้กาแฟแคปซูลที่มีหลายรสชาติ คัดสรรจากเมล็ดกาแฟสายพันธุ์ดี และผ่านกรรมวิธีในการเก็บรักษารสชาติอันยอดเยี่ยมเอาไว้ เพียงเท่านี้กาแฟแก้วโปรดของคุณก็จะได้รสชาติไม่ต่างจากกาแฟที่ชงด้วยบาริสต้ามากประสบการณ์
หน้าที่หลักของบาริสต้าคืออะไร?
หน้าที่ของบาริสต้าไม่ใช่แค่การชงกาแฟ แต่หน้าที่ของบาริสต้าคือการดูแลภาพรวมของร้านกาแฟเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ใช้บริการ โดยหลัก ๆ จะประกอบด้วย
- 1. การสร้างสรรค์เมนูกาแฟ ตั้งแต่การเตรียมวัตถุดิบให้ได้คุณภาพ และความพร้อมของอุปกรณ์ ไปจนถึงการชงกาแฟรสเลิศ
- 2. การรักษาความสะอาดของบาร์กาแฟ ให้บริเวณที่ชงกาแฟและอุปกรณ์ที่ใช้สะอาดอยู่เสมอ เพื่อสุขอนามัยที่ดี
- 3. การแนะนำเครื่องดื่ม โดยดูจากความต้องการของผู้ดื่ม หรือรังสรรค์เมนูใหม่และนำเสนอให้กับลูกค้า
- 4. การเช็คสต็อกสินค้า เพื่อบริหารจัดการวัตถุดิบในร้านให้เพียงพอ และรักษาให้มีคุณภาพคงเดิม ไม่ค้างสต็อก
- 5. การดูแลเครื่องมือในการชงกาแฟ เพื่อยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์คู่ใจ และเตรียมให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้เสมอ เพราะนี่เป็นส่วนหนึ่งของการรักษามาตรฐานในการชงกาแฟของบาริสต้า
บาริสต้ามีกี่ระดับ
ในร้านกาแฟขนาดใหญ่ บาริสต้ามักทำงานร่วมกันเป็นทีม แต่ละคนมีหน้าที่และความรับผิดชอบแตกต่างกันตาม ระดับตำแหน่ง ดังนี้
1. บาริสต้าระดับผู้จัดการ (Manager Barista)
เป็นหัวใจของบาร์ กำกับดูแลการให้บริการทั้งหมด คิดค้นและรังสรรค์เมนูใหม่ ๆ ดูแลบาริสต้าระดับอื่น ๆ ให้ทำงานร่วมกันอย่างราบรื่น และรับผิดชอบบรรยากาศโดยรวมของร้าน
2. ผู้ช่วยบาริสต้า (Trainer Barista)
ชงเครื่องดื่มตามมาตรฐานของร้าน ให้ข้อมูลเกี่ยวกับเมล็ดกาแฟและเมนูต่าง ๆ ดูแลความเรียบร้อยของบาร์เครื่องดื่ม และตรวจสอบความสะอาดของพื้นที่ชงกาแฟ
3. บาริสต้าระดับเริ่มต้น (Junior Barista)
บาริสต้าที่เพิ่งเริ่มต้น มีประสบการณ์น้อย ทำหน้าที่ช่วยเหลือผู้ช่วยบาริสต้าและบาริสต้าระดับสูง เตรียมวัตถุดิบ จัดอุปกรณ์ และดูแลความสะอาดบริเวณชงกาแฟ
บาริสต้ามีโอกาสเติบโตในอาชีพหรือไม่?
บาริสต้าสามารถเติบโตได้แน่นอน เพราะนอกจากชงกาแฟแล้ว ยังต้องมีทักษะบริการลูกค้า การจัดการร้าน และเข้าใจกระบวนการกาแฟอย่างลึกซึ้ง
ผู้ที่มีประสบการณ์สามารถก้าวสู่ ตำแหน่งผู้จัดการร้าน หรือ เปิดร้านกาแฟของตัวเอง ได้ นอกจากนี้ยังมีโอกาสเรียนรู้ด้านการคั่วกาแฟ การสร้างเมนูกาแฟใหม่ หรือการพัฒนาแบรนด์กาแฟของตัวเอง ทำให้ทั้ง ตำแหน่งงานและรายได้ สามารถเติบโตตามทักษะและความมุ่งมั่น
เป็นบาริสต้าที่บ้านได้ง่าย ๆ ด้วยเครื่องชงกาแฟแคปซูลอัตโนมัติ Nespresso VERTUO และอุปกรณ์เสริมสำหรับฟังก์ชั่นนมอย่างเครื่องตีฟองนม Aeroccino เพียงแค่กดปุ่มเท่านั้น โดยส่วนสำคัญที่สุดในทุกสูตรกาแฟ ไม่ใช่แค่เพียงนมเท่านั้น แต่คือกาแฟเอสเพรสโซชั้นดีนั่นเอง
Nespresso ทำให้คุณสามารถเป็นบาริสต้าที่บ้านได้อย่างง่ายดาย ด้วยกาแฟแคปซูลคุณภาพสูงที่มีรสชาติให้เลือกหลากหลายตามความชอบส่วนตัว พร้อมเครื่องชงกาแฟแคปซูลอัตโนมัติที่มีฟังก์ชั่นเมนูนมหรือเครื่องชงกาแฟ Nespresso Original ที่ใช้งานง่าย เอาใจคนรักกาแฟดำ เพียงเลือกแคปซูลที่ชอบ ใส่เครื่อง และกดปุ่ม คุณก็สามารถรังสรรค์สูตรกาแฟโปรดได้เองทุกวัน ลองสำรวจคอลเล็กชันกาแฟและเครื่องชงทั้งหมดได้ที่ www.nespresso.com เพื่อสร้างประสบการณ์การเป็นบาริสต้าที่บ้านอย่างเต็มรูปแบบ