ครีม่า (Crema) คืออะไร? สำคัญอย่างไร? สายดื่มกาแฟช็อตต้องรู้

Crema (ครีม่า) คือ ฟองครีมสีน้ำตาลที่ลอยอยู่เหนือช็อตกาแฟ เกิดจากการใช้ความร้อนและแรงดันสูงในการสกัดเมล็ดกาแฟจากเครื่องชง โดยคำว่า “Crema” มีต้นกำเนิดจากภาษาอิตาลี แปลว่า “ครีม” ซึ่งคนอิตาเลียนถือว่า crema คือสัญลักษณ์ของเอสเพรสโซที่สมบูรณ์แบบ และเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยเติมเต็มประสบการณ์ดื่มกาแฟ
ถ้าลองสังเกตดูดี ๆ จะเห็นว่า การสกัดกาแฟในแต่ละครั้งจะได้ปริมาณหรือความบางและความหนาของเจ้าตัวครีม่าที่แตกต่างกัน มาทำความรู้จัก “ครีม่า” ชั้นฟองเนื้อเนียนให้มากขึ้นในบทความนี้
องค์ประกอบของ Crema มีอะไรบ้าง?
องค์ประกอบที่ทำให้เกิด crema คือ น้ำมันกาแฟ โปรตีน และก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งทั้งสามส่วนนี้เกิดขึ้นในการสกัดช็อตเอสเพรสโซด้วยแรงดันสูงและความร้อนจากเครื่องชงกาแฟ กลายเป็นชั้นครีม่าสีน้ำตาลทองลอยอยู่เหนือแก้ว
ปัจจัยที่ทำให้ได้ Crema สวยงาม มีอะไรบ้าง?
ถ้าอยากมีครีม่าสวย ๆ ลอยบนแก้วต้องทำอย่างไร? ปัจจัยหลัก ๆ ที่ทำให้ crema สวยงาม ได้แก่:
- 1. ชนิดเมล็ดกาแฟ – เมล็ดกาแฟแต่ละสายพันธุ์ เมื่อนำไปสกัดอาจให้ครีม่าที่ไม่เท่ากัน เช่น สายพันธุ์โรบัสต้า จะให้ชั้นครีม่าที่หนากว่าและส่งกลิ่นหอมมากกว่าสายพันธุ์อาราบิก้า
- 2. ความสดใหม่ของเมล็ดกาแฟ – ปริมาณครีม่า (crema) คือ ตัวบ่งบอกความสดของเมล็ดกาแฟ เพราะยิ่งครีม่าหนา แสดงว่ากาแฟยิ่งสด
- 3. ระดับการคั่ว และความละเอียดในการบด – กาแฟคั่วเข้มจะให้ครีม่าที่หนา และมีสีเข้มกว่ากาแฟคั่วอ่อน นอกจากนี้ ต้องบดเมล็ดให้ดี ไม่หยาบหรือละเอียดจนเกินไป
- 4. แรงดันของเครื่องสกัด – หากในตอนสกัด ตั้งค่าอุณหภูมิและแรงดันไม่สูงพอ จะทำให้ชั้นครีม่าบางและสลายตัวได้ง่าย

ทำ Espresso ให้ได้ Crema หนานุ่มอย่างไร?
มาดูวิธีทำ Crema (ครีม่า) ให้มีสีน้ำตาลทองสม่ำเสมอ ฟองหนานุ่ม เนื้อเนียนละเอียด โดยเริ่มตั้งแต่ขั้นตอนเลือกเมล็ดกาแฟ ปริมาณที่ใช้ การบด และการใช้เครื่องชง
1. การเลือกเมล็ดกาแฟ และปริมาณที่ใช้
ควรใช้เมล็ดกาแฟที่ผ่านการคั่วมาไม่เกิน 1 – 2 สัปดาห์ และเทคนิคที่จะทำให้ crema มีความหนา และมีสีเข้ม คือ การใช้เมล็ดกาแฟที่คั่วระดับกลางหรือเข้ม ส่วนปริมาณที่เหมาะสม คือ 18 – 20 กรัม สำหรับช็อตดับเบิ้ล
2. การบดเมล็ดกาแฟ
ควรบดกาแฟไม่หยาบหรือละเอียดจนเกินไป และควรบดทันทีก่อนชง ไม่ควรทิ้งไว้นาน
3. การตั้งค่าเครื่องชง
เลือกใช้เครื่องชงที่มีแรงดันอย่างน้อย 9 บาร์ พร้อมตั้งอุณหภูมิน้ำประมาณ 96°C และตั้งเวลาสกัดประมาณ 25 – 30 วินาที หากใช้น้ำที่อุณหภูมิต่ำเกินไปจะทำให้กาแฟของคุณมีรสเปรี้ยวได้
4. การเก็บรักษาเมล็ดกาแฟเพื่อ Crema ที่ดี
- - ใช้ถุงฟอยล์หรือโหลแก้วทึบแสงที่มีฝาปิดแน่น เพื่อป้องกันอากาศและแสง
- - เก็บไว้ในที่อุณหภูมิห้องที่ห่างไกลจากแสงแดดและความร้อน ไม่ควรเก็บไว้ในตู้เย็น เพราะเมล็ดกาแฟดูดซับความชื้น
- - ไม่ควรบดเมล็ดเก็บไว้ล่วงหน้า ควรบดเท่าที่จะใช้แต่ละครั้ง เพื่อรักษากลิ่นและรสชาติ
เคล็ดลับสำหรับมือใหม่
ส่วนมือใหม่หัดชงที่อยากสัมผัสกับครีม่านุ่ม ๆ เนื้อเนียนละเอียด ไม่ต้องกังวลไป ถ้ามีเครื่องชงกาแฟ Nespresso ที่สามารถรังสรรค์เมนูกาแฟพร้อมครีม่าได้ง่าย ๆ แค่ใส่แคปซูล กดปุ่มที่เครื่อง และรอ เพียงเท่านี้ก็ได้กาแฟหอมกรุ่น และครีม่าหนานุ่ม สีน้ำตาลสวยงามให้ดื่มด่ำในทุก ๆ เช้าแล้ว

คุณลักษณะของครีม่าที่ดีมีอะไรบ้าง?
แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่า ครีม่าในแก้ว ดีหรือไม่ดี? Crema ที่ดี คือ ครีม่าที่มีสีน้ำตาลทอง เนื้อละเอียด สัมผัสเนียนนุ่ม มีความหนา และคงตัวอยู่ได้นาน อย่างไรก็ตาม สี และความหนาของฟองครีม่า ไม่ได้เป็นตัวบ่งบอกว่า เอสเพรสโซของคุณ รสชาติดีหรือไม่ดี เนื่องจากครีม่าเป็นเพียงตัวบ่งบอกว่า:
- - หาก crema มีสีน้ำตาลอ่อน ๆ แสดงว่า เป็นกาแฟคั่วอ่อน
- - หาก crema มีสีน้ำตาลเข้มแสดงว่า เป็นกาแฟคั่วเข้ม
- - Crema บาง เกิดจากเมล็ดกาแฟเก่าที่ก๊าซและน้ำมันระเหยไปแล้ว
- - Crema หนา มาจากเมล็ดกาแฟสดหรือคั่วใหม่ ก๊าซเยอะ โฟมนุ่มสวยน่าดื่ม
ส่วนความหนาของ crema คือ ตัวบ่งบอกความสดใหม่ของเมล็ดกาแฟ ยิ่งครีม่าลอยตัวเป็นชั้นหนาเท่าไหร่ เมล็ดกาแฟที่ใช้ยิ่งสดใหม่
ครีม่าสำคัญต่อกาแฟจริงหรือไม่?
หลายคนอาจมองว่า ครีม่าไม่สำคัญ เพราะไม่ได้บ่งบอกถึงคุณภาพรสชาติที่ดีเสมอไป แต่ข้อดีหลัก ๆ ของการมี crema คือ:
- 1. ช่วยเพิ่มความหอมมันให้กับกาแฟ
- 2. ช่วยให้กาแฟมีรสชาติกลมกล่อมยิ่งขึ้น
- 3. กักเก็บความหอมกรุ่น
- 4. เพิ่มความสวยงามให้กับช็อตกาแฟ ทำให้ดื่มแล้วรู้สึกดีต่อใจ
ดังนั้น ความสำคัญของครีม่าขึ้นอยู่กับมุมมองและความชื่นชอบของแต่ละคน บางคนให้ความสำคัญกับครีม่าเพื่อเติมเต็มประสบการณ์ดื่มกาแฟ ขณะที่อีกกลุ่มมองว่าแก่นแท้ของกาแฟอยู่ที่รสชาติ
ครีม่าสัมพันธ์กับวัฒนธรรมการดื่มกาแฟอย่างไร?
Crema คือส่วนสำคัญของวัฒนธรรมการดื่มกาแฟ เพราะชาวอิตาเลียนมองว่า ครีม่าช่วยเสริมรสชาติ กลิ่น และทำให้กาแฟดูน่าดื่มมากยิ่งขึ้น เมื่อชงเอสเพรสโซออกมาแล้วมีครีม่าฟองสีน้ำตาลทองลอยบนผิวหน้า จะรู้ได้ว่ากาแฟถ้วยนี้ใช้เมล็ดใหม่และสด
นี่จึงเป็นเหตุผลที่ร้านกาแฟหลายร้านนิยมผสมเมล็ดพันธุ์โรบัสต้าเข้าไปในอาราบิก้า เพื่อช่วยให้ได้ครีม่ามากขึ้น เนื่องจากสายพันธุ์โรบัสต้ามีน้ำมันและก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สูงกว่า ทำให้ฟองครีม่าหนาและอยู่ได้นาน
อ่านมาจนถึงตรงนี้ หลายคนคงเข้าใจแล้วว่า ครีม่าสวยไม่ได้เป็นตัวการันตีว่ากาแฟจะอร่อยเสมอไป เพราะรสชาติของกาแฟขึ้นอยู่กับความสดใหม่ของเมล็ด เทคนิคการสกัด และความสมดุลของกลิ่นและรสชาติมากกว่า
ดังนั้น ครีม่าจึงเป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ช่วยให้กาแฟแก้วโปรดของคุณดูน่าลิ้มลองมากยิ่งขึ้น และหากอยากดื่มกาแฟหอม ๆ พร้อมครีม่าเนื้อเนียนแบบง่าย ๆ ในทุกวัน เพียงเลือกใช้เครื่องชงกาแฟ Nespresso ที่มีให้เลือกหลายรุ่น หลายดีไซน์ ตอบโจทย์ทุกความต้องการ อีกทั้งยังใช้งานง่าย เพียงใส่กาแฟแคปซูล กดปุ่ม ก็รังสรรค์กาแฟรสกลมกล่อมได้ในทันที