ข้ามไปยังเนื้อหา
หัวเรื่อง
คุณอยู่ที่เนื้อหาหลัก


กาแฟดีแคฟ (Decaf) คืออะไร ไม่มีคาเฟอีนจริงไหม มาหาคำตอบกัน



กาแฟดีแคฟ (Decaf) คืออะไร?

กาแฟนั้นขึ้นชื่อว่าเป็นเครื่องดื่มยอดฮิตที่ช่วยให้คุณตื่นตัวและกระปรี้กระเปร่า แต่จะเกิดอะไรขึ้น หากร่างกายคุณโหยหาคาปูชิโน่แก้วโปรดหลังบ่ายสามโมงเย็น ทางเลือกที่มีคือ 1) ชงกาแฟที่ดื่มประจำและรับคาเฟอีนเข้าไปเต็ม ๆ หรือ 2) เลือกดื่มกาแฟที่ไม่มีคาเฟอีน แต่กาแฟดีแคฟคืออะไร มีกระบวนการผลิตอย่างไร



กาแฟดีแคฟ (Decaf) คืออะไร?


กาแฟดีแคฟหรือกาแฟไม่มีคาเฟอีน คือ กาแฟที่เมล็ดผ่านการสกัดคาเฟอีนออกไปจนเกือบหมด เป็นทางเลือกยอดนิยมสำหรับผู้ที่ต้องการลิ้มรสกาแฟโดยไม่ต้องการสารกระตุ้นจากคาเฟอีน



กาแฟดีแคฟมีรสชาติเป็นอย่างไร?


เฉกเช่นเดียวกับกาแฟประเภทอื่น ๆ รสชาติและคุณภาพของกาแฟดีแคฟนั้นแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับเมล็ดกาแฟที่ใช้ กระบวนการคั่วเมล็ดกาแฟ กระบวนการคัดสรร จัดเก็บ และในกรณีนี้รวมถึง วิธีการสกัดคาเฟอีนที่เลือกใช้ระหว่างการสกัดโดยใช้สารละลายกับการสกัดโดยธรรมชาติ


เมล็ดกาแฟที่ผ่านการคัดสรรเป็นอย่างดี คั่วด้วยความประณีต เก็บรักษาเพื่อคงความสดใหม่ และผ่านการสกัดแบบธรรมชาติ ย่อมนำมาซึ่งรสสัมผัสที่เหนือกว่า หากคุณกำลังตามหาสูตรกาแฟดีแคฟระดับพรีเมียม วางใจได้เลยว่า Nespresso ได้รวบรวมสูตรกาแฟดีแคฟชั้นเลิศมาไว้ให้คุณแล้ว



วิธีทำกาแฟดีแคฟ

กาแฟดีแคฟมีวิธีการทำอย่างไร ทำไมถึงไม่มีคาเฟอีน?


โดยทั่วไป เมล็ดกาแฟจะถูกนำมาสกัดคาเฟอีนออกผ่านสารละลายทางเคมี เช่น เมทิลคลอไรด์ หรือตัวทำละลายอื่น ๆ หรือผ่านวิธีทางกายภาพ เช่น การใช้คาร์บอนไดออกไซด์ภายใต้แรงดันสูง หรือการแช่ในน้ำบริสุทธิ์แบบ Swiss Water Process ซึ่งแต่ละวิธีมีความแตกต่างกันทั้งในเรื่องต้นทุนการผลิต ระยะเวลาและความซับซ้อนของกระบวนการ อีกทั้งยังส่งผลต่อรสชาติและกลิ่นหอมของกาแฟที่ได้ เพราะบางวิธีอาจทำให้กลิ่นและรสชาติอ่อนลง ขณะที่บางวิธีสามารถคงรสชาติใกล้เคียงกาแฟปกติได้มากกว่า



วิธีทำกาแฟดีแคฟด้วยเมทิลคลอไรด์


เมทิลคลอไรด์ (Methylene Chloride) เป็นสารที่ใช้กันมานานในกระบวนการสกัดคาเฟอีน วิธีนี้คือการนำเมล็ดกาแฟไปแช่ในน้ำ เพื่อให้คาเฟอีนละลายออกมา จากนั้นใช้เมทิลคลอไรด์ช่วยจับคาเฟอีนออกไป แล้วนำเมล็ดไปผ่านกระบวนการอบแห้งอีกครั้ง แม้ว่าวิธีนี้จะถูกวิจารณ์เรื่องความปลอดภัย แต่ในความเป็นจริง กระบวนการผลิตจะควบคุมอย่างเข้มงวด และสารเคมีจะถูกกำจัดออกจนแทบไม่เหลือในเมล็ดกาแฟที่บริโภคได้ ผลลัพธ์คือกาแฟดีแคฟที่รสชาติยังคงชัดเจน แต่ต้นทุนการผลิตต่ำกว่าวิธีคาร์บอนไดออกไซด์



วิธีทำกาแฟดีแคฟด้วยคาร์บอนไดออกไซด์


วิธีนี้ใช้ “คาร์บอนไดออกไซด์ (CO₂)” ในสภาวะที่มีแรงดันสูงมาก ๆ ทำหน้าที่ดึงเอาคาเฟอีนออกจากเมล็ดกาแฟ ข้อดีของวิธีนี้คือสามารถสกัดเอาคาเฟอีนออกไปได้ค่อนข้างหมดจด โดยไม่ทำลายสารสำคัญอื่น ๆ ที่ให้รสชาติและกลิ่นหอมในกาแฟ จึงทำให้กาแฟดีแคฟที่ได้ยังคงรสชาติเข้มข้นใกล้เคียงกับกาแฟปกติ นิยมใช้กันมากในโรงงานผลิตกาแฟเชิงอุตสาหกรรม



กาแฟดีแคฟ กับ กาแฟปกติ ต่างกันอย่างไร?

กาแฟดีแคฟ กับ กาแฟปกติ ต่างกันอย่างไร?


กาแฟดีแคฟจะมีปริมาณคาเฟอีนที่ร่างกายได้รับต่างจากกาแฟปกติทั่วไป โดยกาแฟดีแคฟจะมีคาเฟอีนน้อยกว่ากาแฟปกติถึง 97% ซึ่งในด้านของรสชาติ กลิ่น หรือสีของกาแฟนั้นอาจมีการเปลี่ยนแปลงไปบ้างเล็กน้อย เช่น รสชาติหรือความเข้มที่อ่อนลง สีที่แตกต่างไปจากเดิม เป็นต้น


ซึ่งถ้าเปรียบเทียบกาแฟ 1 ถ้วยมีขนาด 8 ออนซ์จะได้รับคาเฟอีนประมาณ 100 มิลลิกรัม กาแฟดีแคฟปริมาณคาเฟอีนจะเหลืออยู่ประมาณ 3 มิลลิกรัมเท่านั้น ทำให้กาแฟดีแคฟหรือกาแฟไม่มีคาเฟอีนดีต่อสุขภาพมากกว่าการบริโภคกาแฟที่มีคาเฟอีนในปริมาณที่มากเกินความจำเป็นของร่างกาย



ประโยชน์ของกาแฟดีแคฟ มีอะไรบ้าง?


  1. 1. แก้อาการอยากกาแฟ: กาแฟไม่มีคาเฟอีนแต่ยังให้กลิ่นและรสชาติคล้ายกับกาแฟปกติ จึงช่วยลดความต้องการคาเฟอีนโดยไม่สูญเสียประสบการณ์การดื่ม
  2. 2. สารต้านอนุมูลอิสระ: มีคุณสมบัติเหมือนกาแฟปกติ ช่วยลดความเสี่ยงโรคต่าง ๆ เช่น มะเร็ง เบาหวาน ความดันโลหิตสูง
  3. 3. สารอาหารและแร่ธาตุ: มีวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิด เช่น วิตามินบี 3, โพแทสเซียม, เหล็ก, แมกนีเซียม ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย
  4. 4. เหมาะกับผู้มีปัญหาระบบทางเดินอาหาร: กาแฟดีแคฟไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองกระเพาะ เหมาะกับผู้ที่มีโรคกระเพาะ แผลในกระเพาะ หรือกรดไหลย้อน
  5. 5. ปลอดภัยสำหรับผู้ไวต่อคาเฟอีน: ช่วยลดอาการข้างเคียง เช่น ใจสั่น นอนไม่หลับ ปวดศีรษะ คลื่นไส้


กาแฟดีแคฟ หรือกาแฟที่ไม่มีคาเฟอีน เหมาะสำหรับใครบ้าง

กาแฟดีแคฟ หรือกาแฟที่ไม่มีคาเฟอีน เหมาะสำหรับใครบ้าง?


1. ผู้ที่มีโรคประจำตัว


เนื่องจากคาเฟอีนอาจกระตุ้นให้อาการของโรคกำเริบหรือรุนแรงขึ้นได้ โดยโรคหรือภาวะผิดปกติที่ควรเลี่ยงหรือลดคาเฟอีน เช่น โรคเกี่ยวกับการนอนหลับ, โรคไมเกรนหรือโรคปวดหัวเรื้อรัง, โรควิตกกังวล, โรคกรดไหลย้อน, ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ, ภาวะหัวใจเต้นเร็วผิดปกติ, ภาวะความดันโลหิตสูง และผู้ที่มีแผลในกระเพาะ เป็นต้น



2. ผู้ที่ใช้ยารักษาโรค


คาเฟอีนอาจทำปฏิกิริยากับยาบางชนิดที่อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียง หรือทำให้ยาออกฤทธิ์ได้ไม่เต็มที่ โดยเฉพาะกลุ่มยาที่เกี่ยวข้องกับระบบประสาท, กลุ่มยาปฏิชีวนะ, และกลุ่มยาต้านการแข็งตัวของเลือด



3. เด็กและสตรีมีตั้งครรภ์


ทารก, เด็ก และหญิงตั้งครรภ์ควรจำกัดการดื่มกาแฟหรือการรับคาเฟอีน เนื่องจากอาจส่งผลต่อเด็กหรือทารกในครรภ์ ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนจากคาเฟอีนขณะตั้งครรภ์ นอกจากนี้คุณแม่ที่ให้นมบุตร คาเฟอีนสามารถเข้าสู่กระแสเลือดและส่งผ่านน้ำนมไปยังทารกได้



กระบวนการสกัดคาเฟอีนจากกาแฟ


กระบวนการสกัดคาเฟอีนคือการชะล้างคาเฟอีนออกจากเมล็ดกาแฟที่ยังไม่ผ่านการคั่ว สามารถทำได้หลายวิธี ได้แก่ การใช้สารทำละลาย หรือวิธีที่เป็นธรรมชาติ เช่น การสกัดด้วยน้ำ


กระบวนการเริ่มจากการแช่เมล็ดกาแฟในน้ำ แล้วเติมสารทำละลายเพื่อดูดซับคาเฟอีนในน้ำ โดยสารที่นิยมใช้ ได้แก่ เมทิลีนคลอไรด์ และเอทิลอะซิเตท


กาแฟดีแคฟจึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลิ้มรสกาแฟแท้ แต่ไม่อยากได้รับคาเฟอีนมากเกินไป ทั้งกาแฟดีแคฟร้อนสำหรับเริ่มต้นวันใหม่ หรือกาแฟดีแคฟเย็นเพื่อเติมความสดชื่นช่วงบ่าย คุณสามารถเลือกเมล็ดกาแฟคุณภาพดี ผ่านกระบวนการสกัดคาเฟอีนที่ปลอดภัย รสชาติและกลิ่นยังคงใกล้เคียงกาแฟปกติ


ถ้าคุณกำลังมองหากาแฟที่ยังคงรสชาติหอมเข้มแบบกาแฟปกติ แต่ไม่อยากได้รับคาเฟอีนมากเกินไป กาแฟดีแคฟคือทางเลือกที่ลงตัวที่สุด ไม่ว่าจะเป็นกาแฟดีแคฟร้อนสำหรับเริ่มต้นวันใหม่ หรือกาแฟดีแคฟเย็นเพื่อเติมความสดชื่นช่วงบ่าย


เรามีกาแฟแคปซูลคุณภาพดีคัดสรรอย่างพิถีพิถัน พร้อมผ่านกระบวนการสกัดคาเฟอีนที่ปลอดภัย ให้คุณได้ดื่มอย่างมั่นใจ ทุกแก้วยังคงรสชาติและกลิ่นหอมใกล้เคียงกาแฟปกติ


สั่งซื้อกาแฟดีแคฟกับเราง่าย ๆ ออนไลน์ ส่งตรงถึงบ้านคุณ เลือกกาแฟดีแคฟแก้วโปรดของคุณวันนี้ แล้วเติมความสุขให้ทุกวันของคุณได้เลย!




คำถามที่พบบ่อย


กาแฟดีแคฟยังมีคาเฟอีนอยู่เท่าไหร่?
แม้จะเรียกว่า “ไม่มีคาเฟอีน” แต่กาแฟดีแคฟยังมีคาเฟอีนเล็กน้อย ประมาณ 2–5 มิลลิกรัมต่อถ้วย 8 ออนซ์ ซึ่งน้อยกว่ากาแฟปกติถึงประมาณ 97%
การสกัดคาเฟอีนทำให้กาแฟดีแคฟหมดคุณค่าทางโภชนาการหรือไม่?
ไม่ทั้งหมด กาแฟดีแคฟยังคงมีสารต้านอนุมูลอิสระ วิตามิน และแร่ธาตุบางชนิดเหมือนกาแฟปกติ แต่บางวิธีการสกัดอาจลดปริมาณสารบางชนิดลงเล็กน้อย
กาแฟดีแคฟเหมาะกับคนลดน้ำหนักหรือไม่?
เหมาะ เพราะโดยทั่วไปเป็นกาแฟดำ ไม่มีน้ำตาลหรือครีม ทำให้แคลอรีต่ำมาก แต่ควรระวังหากเติมไซรัป นม หรือวิปครีม เพราะจะเพิ่มพลังงานโดยไม่จำเป็น
ดื่มกาแฟดีแคฟแล้วจะมีอาการคาเฟอีนขึ้นหัวหรือไม่?
เนื่องจากคาเฟอีนมีปริมาณน้อยมาก กาแฟดีแคฟแทบไม่ทำให้เกิดอาการใจสั่น นอนไม่หลับ หรือปวดหัวเหมือนกาแฟปกติ เหมาะสำหรับผู้ที่ไวต่อคาเฟอีน
ดีแคฟเหมาะกับการดื่มในช่วงเย็นหรือก่อนนอนไหม?
เหมาะมาก เพราะคาเฟอีนต่ำมากจนแทบไม่รบกวนการนอน จึงเหมาะสำหรับผู้ที่อยากดื่มกาแฟหลังอาหารเย็น หรือก่อนนอนโดยไม่ต้องกังวลเรื่องการนอนไม่หลับ