ข้ามไปยังเนื้อหา
หัวเรื่อง
คุณอยู่ที่เนื้อหาหลัก


10 สูตรลาเต้ เมนูลาเต้หวาน อร่อย หอม ละมุนถูกใจ ชงเองได้ง่าย ๆ



10 สูตรลาเต้ เมนูลาเต้หวาน อร่อย หอม ละมุนถูกใจ ชงเองได้ง่าย ๆ

กาแฟลาเต้คืออะไร?


กาแฟลาเต้ (Latte) เป็นเครื่องดื่มกาแฟยอดนิยมชนิดหนึ่ง เกิดจากการผสมกาแฟเอสเพรสโซ่และนมสดเข้าด้วยกัน เกิดเป็นรสชาติเข้มข้น หอมมัน กลมกล่อม ตกแต่งด้วยฟองนมนุ่มละมุน ชวนให้ลิ้มลอง ลาเต้ยังขึ้นชื่อเรื่องลาเต้อาร์ต ศิลปะการวาดลวดลายบนฟองนม ที่ช่วยเพิ่มความน่ารับประทานและบ่งบอกถึงฝีมือของบาริสต้า เช่น ลายหัวใจ ลายดอกไม้ กาแฟแคปซูลสำหรับเมนูลาเต้มีให้เลือกหลายรสชาติ เช่น India, Kazaar, Ristretto, Arpeggio, Venezia เป็นต้น



เมนูลาเต้มีที่มาจากอะไร?


เมนูลาเต้เริ่มเป็นที่นิยมในประเทศต่างๆ แถบยุโรปในยุคทศวรรษที่ 1980 แล้วแพร่กระจายไปทั่วโลก โดยเฉพาะในเมืองซีแอตเทิล สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นที่มาของลาเต้อาร์ต หรือการวาดลวดลายจากฟองนมในช่วงปลายปี 90 กาแฟลาเต้มีลักษณะเป็นกาแฟไล่ระดับชั้น โดยชั้นบนสุดเป็นฟองนม และชั้นล่างเป็นเอสเพรสโซ่ ในอัตราส่วน 1:1:3



ลาเต้แตกต่างจากกาแฟนมอื่นอย่างไร?


ลาเต้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวด้วยการใช้ปริมาณนมที่มากกว่าเมนูกาแฟนมอื่นๆ เช่น คาปูชิโน่ ทำให้รสชาติของกาแฟไม่เข้มจนเกินไป แต่ยังคงมอบความหอมและกลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ของเมล็ดกาแฟ จุดเด่นของลาเต้คือฟองนมที่เนียนละเอียด ซึ่งช่วยเพิ่มสัมผัสที่นุ่มนวลให้กับทุกจิบ



10 สูตรลาเต้หลากหลายรูปแบบ




สูตรลาเต้เย็นพื้นฐาน

1. สูตรลาเต้เย็นพื้นฐาน


ส่วนผสม:


  • 1. เอสเพรสโซ่ 2 ชอต (60 มล.)
  • 2. นมสดชนิดจืด 120 มล.
  • 3. น้ำแข็งตามชอบ

วิธีทำ:


  1. 1. ชงกาแฟเอสเพรสโซ่ให้ได้ 2 ชอต
  2. 2. ผสมเอสเพรสโซ่กับนมสด 60 มล. แล้วคนให้เข้ากัน
  3. 3. ใส่น้ำแข็งลงในแก้ว
  4. 4. เทนมสดที่เหลืออีก 60 มล. ลงไป
  5. 5. เทลาเต้ที่ผสมแล้วลงไป พร้อมเสิร์ฟ


สูตรลาเต้เย็นแบบหวาน

2. สูตรลาเต้เย็นแบบหวาน


ส่วนผสม:


  • 1. เอสเพรสโซ่ 2 มล.
  • 2. นมสด 3 มล.
  • 3. นมข้นหวาน 1.5 มล.
  • 4. นมข้นจืด 1.5 มล.
  • 5. ไซรัปตามชอบ 2 ชอต
  • 6. น้ำแข็ง
  • 7. วิปครีม (ตัวเลือก)

วิธีทำ:


  1. 1. ผสมเอสเพรสโซ่กับนมข้นหวานและนมข้นจืด คนให้เข้ากัน
  2. 2. เติมไซรัปลงไป
  3. 3. ใส่น้ำแข็งในแก้วแล้วเทนมสดลงไป
  4. 4. เทส่วนผสมกาแฟลงไป
  5. 5. แต่งด้วยวิปครีมตามชอบ


คาราเมลลาเต้เย็น

คาราเมลลาเต้เย็น


ส่วนผสม:


  • 1. เอสเพรสโซ 2 ช็อต (60 มล.)
  • 2. นมสด 200 มล.
  • 3. น้ำแข็ง 1 ถ้วย
  • 4. คาราเมลซอส 2 ช้อนโต๊ะ
  • 5. วิปปิ้งครีม สำหรับท็อปปิ้ง
  • 6. น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา (ตามชอบ)

วิธีทำ:


  1. 1. ชงเอสเพรสโซให้เข้มข้น แล้วพักให้เย็น
  2. 2. ใส่น้ำแข็งในแก้ว จากนั้นเทคาราเมลซอส 1 ช้อนโต๊ะลงไป
  3. 3. เทนมสดและเอสเพรสโซที่เย็นแล้วลงในแก้ว คนให้เข้ากัน
  4. 4. ท็อปด้วยวิปปิ้งครีม โรยคาราเมลซอสที่เหลือด้านบน


มัทฉะลาเต้เย็น

มัทฉะลาเต้เย็น


ส่วนผสม:


  • 1. ผงชาเขียวมัทฉะ 2 ช้อนชา
  • 2. นมสด 250 มล.
  • 3. น้ำแข็ง 1 ถ้วย
  • 4. น้ำเปล่าอุ่น 60 มล.
  • 5. น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
  • 6. วิปปิ้งครีม สำหรับท็อปปิ้ง

วิธีทำ:


  1. 1. ผสมผงมัทฉะกับน้ำอุ่นและน้ำตาล ตีให้ละลายเข้ากัน
  2. 2. ใส่น้ำแข็งในแก้วใส
  3. 3. เทนมสดลงไปครึ่งแก้ว แล้วเทส่วนผสมมัทฉะลงไป
  4. 4. คนเบา ๆ ให้เข้ากัน ท็อปด้วยวิปปิ้งครีมและโรยผงมัทฉะด้านบน


ชาไทยลาเต้เย็น

ชาไทยลาเต้เย็น


ส่วนผสม:


  • 1. ชาไทยชงเข้มข้น 150 มล. (เย็นแล้ว)
  • 2. นมสด 200 มล.
  • 3. นมข้นหวาน 3 ช้อนโต๊ะ
  • 4. น้ำแข็ง 1 ถ้วย
  • 5. น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ (ตามชอบ)

วิธีทำ:


  1. 1. ชงชาไทยให้เข้มข้น ผสมกับน้ำตาล พักให้เย็น
  2. 2. ผสมนมสดกับนมข้นหวานในชามแยก คนให้เข้ากัน
  3. 3. ใส่น้ำแข็งในแก้ว เทชาไทยลงไปก่อน
  4. 4. ค่อยๆ เทส่วนผสมนมลงไปเพื่อให้เกิดชั้น หรือคนให้เข้ากันตามชอบ


สตรอเบอร์รี่ลาเต้

สตรอเบอร์รี่ลาเต้


ส่วนผสม:


  • 1. เอสเพรสโซ 2 ช็อต (60 มล.)
  • 2. นมสด 200 มล.
  • 3. สตรอเบอร์รี่ซอสหรือน้ำเชื่อมสตรอเบอร์รี่ 3 ช้อนโต๊ะ
  • 4. น้ำแข็ง 1 ถ้วย
  • 5. วิปปิ้งครีม สำหรับท็อปปิ้ง
  • 6. สตรอเบอร์รี่สด สำหรับตกแต่ง

วิธีทำ:


  1. 1. ชงเอสเพรสโซให้เข้มข้น แล้วพักให้เย็น
  2. 2. ใส่สตรอเบอร์รี่ซอส 2 ช้อนโต๊ะในแก้ว ตามด้วยน้ำแข็ง
  3. 3. เทนมสดและเอสเพรสโซลงไป คนให้เข้ากัน
  4. 4. ท็อปด้วยวิปปิ้งครีม โรยสตรอเบอร์รี่ซอสที่เหลือ ประดับด้วยสตรอเบอร์รี่สด


ลาเต้นมชมพู

ลาเต้นมชมพู


ส่วนผสม:


  • 1. เอสเพรสโซ 2 ช็อต (60 มล.)
  • 2. นมสด 200 มล.
  • 3. น้ำแข็ง 1 ถ้วย
  • 4. ไซรัปสตรอเบอร์รี่หรือราสเบอร์รี่ 2 ช้อนโต๊ะ
  • 5. วิปปิ้งครีม สำหรับท็อปปิ้ง
  • 6. สีผสมอาหารชมพู 2-3 หยด (ตามชอบ)

วิธีทำ:


  1. 1. ชงเอสเพรสโซให้เข้มข้น แล้วพักให้เย็น
  2. 2. ผสมนมสดกับไซรัปและสีผสมอาหาร คนให้สีชมพูสม่ำเสมอ
  3. 3. ใส่น้ำแข็งในแก้ว เทเอสเพรสโซลงไปก่อน
  4. 4. ค่อยๆ เทนมสีชมพูลงไป ท็อปด้วยวิปปิ้งครีม


บราวน์ชูการ์ลาเต้

บราวน์ชูการ์ลาเต้


ส่วนผสม:


  • 1. เอสเพรสโซ 2 ช็อต (60 มล.)
  • 2. นมสด 200 มล.
  • 3. น้ำตาลทรายแดง 3 ช้อนโต๊ะ
  • 4. น้ำแข็ง 1 ถ้วย
  • 5. วิปปิ้งครีม สำหรับท็อปปิ้ง
  • 6. ผงซินนามอน สำหรับโรย

วิธีทำ:


  1. 1. ชงเอสเพรสโซร้อน ผสมกับน้ำตาลทรายแดง 2 ช้อนโต๊ะ คนให้ละลาย
  2. 2. พักให้เย็น หรือเติมน้ำแข็งเล็กน้อยเพื่อให้เย็นเร็ว
  3. 3. ใส่น้ำแข็งในแก้ว เทส่วนผสมกาแฟลงไป
  4. 4. เทนมสดลงไป คนเบาๆ ท็อปด้วยวิปปิ้งครีม โรยน้ำตาลทรายแดงและผงซินนามอนด้านบน


มอคค่าลาเต้เย็น

มอคค่าลาเต้เย็น


ส่วนผสม:


  • 1. เอสเพรสโซ 2 ช็อต (60 มล.)
  • 2. นมสด 200 มล.
  • 3. ช็อกโกแลตซอสหรือผงโกโก้ 3 ช้อนโต๊ะ
  • 4. น้ำแข็ง 1 ถ้วย
  • 5. น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา (ตามชอบ)
  • 6. วิปปิ้งครีม สำหรับท็อปปิ้ง

วิธีทำ:


  1. 1. ชงเอสเพรสโซร้อน ผสมกับช็อกโกแลตซอสและน้ำตาล คนให้เข้ากัน
  2. 2. พักให้เย็น หรือเติมน้ำแข็งเล็กน้อย
  3. 3. ใส่น้ำแข็งในแก้ว เทส่วนผสมมอคค่าลงไป
  4. 4. เทนมสดลงไป คนให้เข้ากัน ท็อปด้วยวิปปิ้งครีมและโรยผงโกโก้


ลาเต้มินต์

ลาเต้มินต์


ส่วนผสม:


  • 1. เอสเพรสโซ 2 ช็อต (60 มล.)
  • 2. นมสด 200 มล.
  • 3. น้ำเชื่อมมินต์หรือไซรัปมินต์ 2 ช้อนโต๊ะ
  • 4. น้ำแข็ง 1 ถ้วย
  • 5. ใบมินต์สด 5-6 ใบ
  • 6. วิปปิ้งครีม สำหรับท็อปปิ้ง

วิธีทำ:


  1. 1. ชงเอสเพรสโซให้เข้มข้น ผสมกับน้ำเชื่อมมินต์ พักให้เย็น
  2. 2. บุบใบมินต์เบาๆ เพื่อให้ออกกลิ่นหอม ใส่ในแก้ว
  3. 3. เติมน้ำแข็งลงไป เทส่วนผสมกาแฟลงไป
  4. 4. เทนมสดลงไป คนเบาๆ ท็อปด้วยวิปปิ้งครีม ประดับด้วยใบมินต์สด


เคล็ดลับการทำลาเต้ให้อร่อย


  • 1. เลือกกาแฟคุณภาพดี: ใช้เอสเพรสโซ่จากเมล็ดกาแฟคุณภาพสูง
  • 2. ใช้นมไขมันต่ำ: จะให้ฟองนมที่เนียนและคงตัวได้นาน
  • 3. อุณหภูมินมที่เหมาะสม: สำหรับลาเต้ร้อน ควรอุ่นนมที่ 60-65°C
  • 4. สัดส่วนที่ถูกต้อง: รักษาอัตราส่วนกาแฟต่อนม 1:3
  • 5. การตกแต่ง: สามารถสร้างลาเต้อาร์ตหรือเพิ่มไซรัปตามชอบ


ประโยชน์และข้อควรระวัง


เมนูลาเต้ 1 แก้ว ให้พลังงานประมาณ 165-190 กิโลแคลอรี ถือเป็นเมนูกาแฟที่มีแคลอรีค่อนข้างสูง จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเติมพลังก่อนเริ่มต้นวันใหม่ หากกำลังควบคุมน้ำหนัก ควรดื่มในปริมาณที่พอเหมาะ


กาแฟลาเต้เป็นเครื่องดื่มที่สามารถปรับแต่งได้ตามความชอบ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มไซรัปรสต่างๆ หรือเปลี่ยนแปลงส่วนผสมให้เหมาะกับรสนิยมของแต่ละคน การมีทักษะการทำลาเต้ที่ดีจึงเป็นจุดเริ่มต้นสำหรับการสร้างสรรค์เครื่องดื่มกาแฟรูปแบบใหม่ๆ ได้อีกมากมาย


พร้อมแล้วหรือยังที่จะสร้างสรรค์เมนูลาเต้ในสไตล์ของคุณเอง? ทั้งสูตรลาเต้เย็นคลาสสิกและลาเต้รสพิเศษต่างๆ ล้วนเริ่มต้นจากเอสเพรสโซ่คุณภาพดี กาแฟแคปซูลเนสเพรสโซ่มีให้เลือกหลากหลายรสชาติจากแหล่งปลูกกาแฟชั้นยอดทั่วโลก เหมาะสำหรับการทำลาเต้ทุกแบบ เข้าไปเลือกแคปซูลที่ใช่ที่นี่ และเริ่มต้นเป็นบาริสต้าในบ้านของคุณเองได้แล้ววันนี้

คำถามที่พบบ่อย


ลาเต้สามารถเก็บไว้ในตู้เย็นได้นานแค่ไหน?
ลาเต้ที่ทำเสร็จแล้วควรดื่มทันที เพื่อความสดใหม่และรสชาติที่ดีที่สุด หากจำเป็นต้องเก็บ สามารถเก็บในตู้เย็นได้ไม่เกิน 24 ชั่วโมง แต่ฟองนมจะแยกตัวและรสชาติจะเปลี่ยนไป ไม่แนะนำให้เก็บค้างคืน ส่วนเอสเพรสโซที่ยังไม่ผสมนมสามารถเก็บในตู้เย็นได้ 3-4 วัน
ทำไมลาเต้ที่ทำเองถึงไม่มีฟองนมเหมือนร้านกาแฟ?
สาเหตุหลักมาจากเทคนิคการตีนมและอุปกรณ์ที่ใช้ ร้านกาแฟใช้เครื่องตีไอน้ำแรงดันสูงที่สร้างฟองนมละเอียดและคงตัวได้นาน หากทำที่บ้าน แนะนำให้ใช้เครื่องตีฟองนมอัตโนมัติ อุ่นนมให้ร้อนก่อนตี และใช้นมไขมันสูง (3.25% ขึ้นไป) จะได้ฟองที่ดีขึ้น
ดื่มลาเต้ทุกวันมีผลเสียต่อสุขภาพหรือไม่?
การดื่มลาเต้ทุกวันในปริมาณพอเหมาะ (1-2 แก้วต่อวัน) โดยทั่วไปไม่เป็นอันตราย แต่ต้องระวังปริมาณคาเฟอีนคาเฟอีนและแคลอรี่ ลาเต้แก้วใหญ่อาจมีคาเฟอีน 150-200 มก. และแคลอรี่ 200-300 แคล ผู้ที่มีปัญหาใจสั่น นอนไม่หลับ หรือโรคกระเพาะ ควรลดปริมาณหรือเลือกดื่มแบบ Decaf
สามารถใช้นมทดแทนอื่นๆ แทนนมวัวได้หรือไม่?
ได้ สามารถใช้นมทดแทนต่างๆ เช่น นมอัลมอนด์ นมโอ๊ต นมถั่วเหลือง นมมะพร้าว หรือนมข้าว แต่ละชนิดจะให้รสชาติและเนื้อสัมผัสที่แตกต่างกัน นมโอ๊ตและนมถั่วเหลืองตีฟองได้ดีที่สุด ส่วนนมมะพร้าวจะให้รสหวานมันธรรมชาติ แต่ตีฟองได้น้อยกว่า
อุปกรณ์อะไรบ้างที่จำเป็นสำหรับทำลาเต้ที่บ้าน?
อุปกรณ์พื้นฐานที่จำเป็น ได้แก่ เครื่องชงกาแฟเอสเพรสโซสำหรับทำกาแฟเข้มข้น เครื่องตีฟองนม, เครื่องชั่งน้ำหนัก แก้วเสิร์ฟ และเทอร์โมมิเตอร์สำหรับวัดอุณหภูมินม