หัวเรื่อง
อภิธานศัพท์กาแฟ
-
ความเปรี้ยวคือรสชาติพื้นฐานที่สัมผัสได้ด้วยปุ่มรับรสบนลิ้น เช่น น้ำมะนาว ที่สร้างความรู้สึกจี๊ดจ๊าดบริเวณด้านข้างลิ้น ความเปรี้ยวเพิ่มรสชาติความ 'สดชื่น' ให้กับกาแฟ
-
รสแฝงของผลไม้ตระกูลส้ม โดยเฉพาะเลมอนหรือส้มเบอร์กามอท
-
ในบาร์อิตาลี บาริสตาเป็นชื่อเรียกผู้ที่มีทักษะเชี่ยวชาญในการชงกาแฟเอสเปรสโซและเป็นผู้รับผิดชอบเมนูกาแฟทั้งหมด อาทิ คาปูชิโน ลาเต้ มัคคิอาโต ฯลฯ
-
รสที่มักสัมผัสได้ที่บริเวณโคนลิ้น ชิกอรีหรือดาร์กช็อกโกแลตและโกโก้ให้รสชาติขมที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์พอ ๆ กัน ความขมสำคัญมาก เนื่องจากเป็นสิ่งที่ทำให้รสชาติของกาแฟอบอวลอยู่ในปาก
-
การผสมกาแฟพรีเมียมหลายชนิดเข้าด้วยกันตามคุณสมบัติรสสัมผัสเพื่อให้ได้กาแฟที่มีรสชาติที่ใช่และกลมกล่อม
-
เนื้อกาแฟหมายถึงความข้น ความหนืด และความเข้มของกาแฟ กาแฟแบบเข้มจะมีรสเด่นชัดและให้ความรู้สึกข้นติดปาก ในทางตรงข้ามกาแฟแบบอ่อนจะค่อนข้างเหลวและเจือจาง
-
กลิ่นที่คล้ายกับผลิตภัณฑ์จากนม หรือกลิ่นหอมหวานของวานิลลา และคาราเมลที่พบได้ในบิสกิต เค้ก หรือกลิ่นที่ได้เวลาอบขนมบางชนิด
-
กลิ่นที่ทำให้นึกถึงดาร์กช็อกโกแลต หรือโกโก้ บางครั้งอาจเจือกลิ่นชะเอมเทศอ่อนๆ
-
เมื่อบดกาแฟแล้ว จะถูกนำไปบรรจุลงในแคปซูลอะลูมิเนียม เนื่องจากปิดสนิทและปราศจากสารพิษ อะลูมิเนียมจึงสามารถเก็บรักษาความสดของรสและกลิ่นกาแฟทั้ง 900 แบบได้นานถึง 12 เดือน
-
ส่วนผสมที่ให้กลิ่นอายของธัญพืช อาทิ ขนมปัง ขนมปังปิ้ง และอาหารเช้าที่ทำจากธัญพืช บางครั้งยังให้ทำให้นึกถึงผลไม้แห้ง เช่น วอลนัต เฮเซลนัต หรืออัลมอนด์
-
ชื่อเรียกผลของต้นกาแฟ ซึ่งมีสีเขียวและจะเปลี่ยนเป็นสีแดงเมื่อสุก ทั้งนี้เชอร์รี่ในกิ่งเดียวกันอาจสุกเร็วช้าต่างกันได้
-
กาแฟเป็นพืชในตระกูลรูเบียซี กาแฟที่นิยมปลูกขายมีเพียงสองพันธุ์เท่านั้น ได้แก่ อาราบิกา (คอฟเฟอาราบิกา) และโรบัสตา (คอฟเฟคาเนโฟรา)
-
ที่ Nespresso เรามุ่งมั่นทุ่มเทเพื่อผลิตกาแฟคุณภาพสูง มีการทดสอบเพื่อควบคุมคุณภาพหลายครั้งในขั้นตอนสำคัญมากกว่าหกขั้นตอน ตั้งแต่การคัดเลือกเมล็ดกาแฟดิบในประเทศแหล่งผลิตไปจนถึงการวางจำหน่ายแคปซูล Nespresso จากโรงงาน/สถานที่ผลิต ในแต่ละขั้นตอนของกระบวนการผลิตทั้งหมดตั้งแต่การคั่ว บด จนกระทั่งบรรจุลงในแคปซูล เมล็ดกาแฟของเราต้องผ่านการทดสอบเพื่อควบคุมคุณภาพทั้งทางเคมี กายภาพ และรสสัมผัส โดยไม่มีการปล่อยผ่าน
-
The Nespresso machine's high pressure extraction system, combined with the freshness and quality of the coffee, naturally produce a thick, smooth crema.Once prepared, the espresso continues to develop. Floral flavors tend to come out first, whereas others, including the heavier, more roasted aromas, are slower to emerge. The crema is essential for releasing and protecting these aromas. Immediately after its extraction, the crema, which naturally forms from liquid coffee and air, stimulates the release of aromas from the cup. Once it has settled, the crema's role reverses as it forms a coffee "cover" and prevents the most volatile aromas from escaping. The quality of the crema provides an important first impression of your espresso, and naturally influences the way you perceive it, by whetting your appetite before tasting.
-
Natural or chemical process that involves extracting the caffeine from the green coffee prior to roasting. Nespresso uses a 100% natural method.
-
This method consists of drying the pulp and the skin of the cherry to get a dry bean easy to deparch or hull. The green coffee produced is called 'natural' or 'unwashed'.
-
Espresso technology was created in Italy in 1903 when Luigi Bezzera, wishing to extract coffee more quickly, invented the principle of "high-pressure percolation". The name "espresso" therefore comes from the Italian word "esprimere", that means to express. Preparing a genuine espresso consists of forcing water at high pressure through finely ground coffee to extract it's true essence very quickly.Espresso is therefore not just a coffee name or a cup size. It is recognisable primarily by the density of its body, the richness of its aromas, a lingering presence on the palate and the thickness of the "crema", generated by the high-pressure extraction.
-
ความรู้สึกโดยรวมที่สัมผัสได้ในปากเมื่อดื่มกาแฟแต่ละชนิด
-
กลิ่นนี้จะสะท้อนรสชาติของผลไม้สีแดง (แบล็กเคอแรนท์ องุ่น สตรอว์เบอร์รี่ ราสเบอร์รี่ และบลูเบอร์รี่) บางครั้งก็ทำให้นึกถึงกลิ่นผลไม้อื่น ๆ เช่น แอปริคอต พลัม แอปเปิ้ล แพร์ หรือพีช
-
คำนี้หมายถึงเมล็ดกาแฟที่ผ่านการแปรรูปแล้วแต่ยังไม่ได้นำไปคั่ว เป็นรูปแบบของกาแฟที่ถูกส่งไปยังบรรดาผู้ขายกาแฟ เช่น Nespresso
-
ขั้นตอนการลดขนาดเมล็ดกาแฟคั่วสดให้กลายเป็นผง การบดเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อเวลาในการไหลและกลิ่นหอมของกาแฟ.
-
ความเข้มของกาแฟวัดได้จากระดับในการคั่ว เนื้อกาแฟ และความขม ซึ่งมิได้สัมพันธ์กับสัดส่วนของคาเฟอีนในเอสเปรสโซแต่อย่างใด
-
ในประเทศอินเดีย กาแฟดิบจะต้องเผชิญกับลมมรสุม เมล็ดจึงบวมน้ำส่งผลให้กาแฟมีกลิ่นหอมหวน
-
การเก็บเกี่ยวผลเชอร์รี่จากต้นกาแฟ จะทำด้วยมือเท่านั้นเพื่อรับประกันคุณภาพของผลเชอร์รี่สุกที่เก็บได้
-
กลิ่นที่เกิดจากการคั่ว เป็นกลิ่นของเมล็ดกาแฟคั่วที่จะกรุ่นออกมาเมื่อคุณชงกาแฟ
-
ขั้นตอนการ 'คั่ว' เมล็ดกาแฟดิบด้วยความร้อนเพื่อให้ได้รสชาติและกลิ่นที่แตกต่างกันกว่า 900 แบบ โดยต้องคั่วให้เรียบร้อยก่อนนำไปบด
-
คุณจะได้กลิ่นหอมลอยขึ้นมาจากถ้วยก่อนที่กาแฟจะสัมผัสริมฝีปากเสียอีก สิ่งแรกที่คุณสัมผัสได้มักเป็นกลิ่นหอมละมุนที่บางเบาที่สุดอย่างกลิ่นดอกไม้จากVivalto, กลิ่นเลมอนจาก Cosi, กลิ่นผลไม้สีแดงจากDecaffeinato เป็นต้น จากนั้นเมื่อใช้ช้อนคนกาแฟคุณจะได้กลิ่นหอมเข้มของกาแฟคั่ว เช่น กลิ่นธัญพืชจากCapriccio, กลิ่นไม้จากRoma และกลิ่นโกโก้จาก Arpeggio
-
กาแฟที่มาจากแหล่งเพาะปลูกแห่งเดียวกันและไม่มีกาแฟจากที่อื่นเจือปน ซึ่งเป็นกาแฟแคปซูลรุ่นลิมิเต็ดที่ Nespresso นำมาเสนอทุกปี
-
กรรมวิธีการเก็บผลเชอร์รี่จากต้นกาแฟด้วยการรูดผลทั้งหมดออกจากกิ่ง (ผลเชอร์รี่ ก้าน และใบ) โดยจะนำมาคัดแยกภายหลัง
-
หมายถึงกาแฟดิบซึ่งผ่านการแปรรูปด้วยกรรมวิธีแบบเปียก
-
ด้วยกรรมวิธีการแปรรูปกาแฟแบบเปียก ผลเชอร์รี่จะถูกนำไปล้างทำความสะอาดและคัดแยกก่อน จากนั้นจึงนำเฉพาะผลที่สุกแล้วมาเอาส่วนเนื้อและเมือกออกก่อนนำไปล้างและตากให้แห้ง กาแฟดิบที่ได้จะเรียกว่า กาแฟแบบ 'เปียก'
-
กลิ่นนี้ไม่เพียงเตือนให้คุณนึกถึงกลิ่นของไม้แห้งหรือดินสอไม้ แต่ยังทำให้คุณนึกถึงของที่หมักในลังไม้โอ๊กด้วย บางครั้งก็ให้กลิ่นคล้ายกับพุ่มไม้สนหรือกลิ่นไม้หอม เช่น จันทน์