รวมวิธีตีฟองนมสำหรับมือใหม่ และวิธีทำฟองนมให้ฟูแบบมืออาชีพที่ใครก็ทำได้ง่าย ๆ

นอกเหนือไปจากการคัดสรรเมล็ดกาแฟคุณภาพเยี่ยมจากทุกมุมโลกแล้ว “ฟองนม” หรือที่หลายคนเรียกว่า Foam Milk ถือเป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยเสริมเสน่ห์ให้กาแฟถ้วยโปรดมีรสสัมผัสที่นุ่มละมุน กลมกล่อม และหอมกรุ่นมากยิ่งขึ้น ฟองนมที่ดีจะไม่เพียงเพิ่มรสชาติ แต่ยังทำให้เครื่องดื่มดูสวยงามและพิเศษขึ้นอย่างน่าประทับใจ
ฟองนมคืออะไร?
ฟองนม คือฟองอากาศขนาดเล็กที่เกิดขึ้นจากการสตีมหรือตีอากาศเข้าไปในน้ำนม ทำให้เกิดชั้นฟองที่เบา นุ่ม และมีลักษณะฟูหรือเนียนละเอียด ขึ้นอยู่กับเทคนิคและอุปกรณ์ที่ใช้ ฟองนมเป็นส่วนสำคัญในการทำกาแฟนมหลายเมนู เช่น คาปูชิโน่ ลาเต้ และแฟลตไวท์ เพราะช่วยเพิ่มเนื้อสัมผัส ความนุ่มละมุน และรูปลักษณ์ที่สวยงาม
ฟองนมเกิดขึ้นได้อย่างไร?
ฟองนมเกิดจากการเติมอากาศเข้าไปในนม ทำให้เกิดฟองอากาศขนาดเล็กกระจายตัวอยู่ในเนื้อนม กลายเป็นฟองที่เบาและขึ้นรูปได้ เมื่อนำมาผสมกับกาแฟหรือเครื่องดื่มอื่น ๆ เช่น มัทฉะ หรือโกโก้ ก็จะช่วยเพิ่มมิติและสัมผัสที่นุ่มนวลมากขึ้น
โดยทั่วไปมีสองวิธีหลักในการทำฟองนม ได้แก่
- 1. การตีฟองนมด้วยการอัดอากาศ เช่น ใช้เครื่องตีฟองนมไฟฟ้าหรือเครื่องทำฟองนมพกพา วิธีนี้ทำได้ง่ายและสะดวก เหมาะกับการทำที่บ้าน
- 2. การสตีมนมด้วยไอน้ำจากเครื่องชงกาแฟซึ่งมักพบเห็นในคาเฟ่ วิธีนี้ช่วยให้ได้ฟองนมเนียนละเอียด (Microfoam) ที่เหมาะสำหรับการทำลาเต้อาร์ตและเมนูกาแฟนมระดับมืออาชีพ
แต่ถ้าใช้ความร้อนสูงเกินไป โฟมนมที่ได้จะหยาบ เมื่อนำไปผสมกาแฟหรือเครื่องดื่มต่าง ๆ จะขาดความหอมมันของนม สำหรับมือใหม่จะมีวิธีไหนบ้างที่จะหาเทคนิค วิธีตีฟองนม หรือ วิธีทำฟองนม ได้แบบง่าย ๆ มาหาคำตอบในบทความกันเลย
การตีฟองนมกับการสตรีมนมแตกต่างกันอย่างไร
1. การตีฟองนม (Froth Milk)

การตีฟองนม คือการนำนมมาผ่านการตีด้วยความเร็วและแรง โดยหลักการคือให้อากาศแทรกเข้าไปในนมจนเกิดฟองอากาศเล็ก ๆ จับตัวขึ้นรูปเป็นฟองนุ่มฟู ผลลัพธ์มักได้ฟองที่คล้ายโฟมบาง ๆ (ฟองใหญ่กว่าและเบากว่าไมโครโฟม)
การตีฟองสามารถทำแบบอุ่นหรือไม่อุ่นก็ได้ และใช้อุปกรณ์ได้หลากหลาย เช่น
- - เชคเกอร์
- - เครื่องตีฟองนมแบบด้ามจับ
- - เครื่องตีฟองนมอัตโนมัติ
- - เหยือกปั๊มฟองนม
2. การสตีมนม (Steamed Milk)

การสตีมนม คือการใช้อุณหภูมิและแรงดันไอน้ำทำให้นมอุ่นหรือร้อน ขณะเดียวกันไขมันและโปรตีนในนมจะช่วยเคลือบและประคองฟองอากาศให้ละเอียดเนียน เกิดเป็นไมโครโฟม (Microfoam) ที่เงาและเนียนกว่า เหมาะกับการทำลาเต้อาร์ตบนเมนูกาแฟร้อน
มักทำผ่านก้านสตีมของเครื่องเอสเพรสโซ หรือเครื่องสตีมนมโดยเฉพาะ หากให้ความร้อนสูงเกินไป ฟองจะหยาบ กลิ่นและรสของนมจะด้อยลง ควรควบคุมอุณหภูมิให้เหมาะสมเพื่อได้เนื้อสัมผัสที่ดีที่สุด
ตารางเปรียบเทียบการตีฟองนม (Frothing) กับการสตรีมนม (Steaming)
| หัวข้อ | การตีฟองนม (Frothing) | การสตรีมนม (Steaming) |
|---|---|---|
| วิธีการ | ใช้อุปกรณ์ตีฟอง เช่น เครื่องตีฟองไฟฟ้า (milk frother), hand frother, หรือ French press | ใช้ก้านสตีมจากเครื่องชงกาแฟ ปล่อยไอน้ำแรงดันสูงลงในนม |
| กระบวนการ | เติมอากาศโดยตรงให้นมเกิดฟอง (ไม่จำเป็นต้องร้อน) | เติมทั้งอากาศและความร้อนไปพร้อมกัน ทำให้นมร้อนและเกิดฟองเนียน |
| อุณหภูมิ | มักใช้นมเย็นหรือนมอุ่นเล็กน้อย (~20–40 °C) | ควบคุมอุณหภูมิให้อยู่ที่ ~60–70 °C |
| ลักษณะฟอง | ฟองใหญ่กว่า ฟู เบา อากาศเยอะ ไม่เนียนเท่าสตรีม | ฟองเนียนละเอียด (microfoam) สม่ำเสมอ เหมือนกำมะหยี่ |
| ใช้กับเมนู | มอคค่าเย็น, กาแฟเย็น, คาเฟ่โฟมครีมต่าง ๆ | ลาเต้, คาปูชิโน่, แฟลตไวท์, ลาเต้อาร์ต |
| ความยากง่าย | ทำง่าย เหมาะกับมือใหม่ ไม่ต้องใช้เครื่องชงกาแฟ | ต้องใช้ทักษะและเครื่องชงที่มีก้านสตีม ควบคุมยากกว่า |
| รสสัมผัส | ฟองเบาแยกชั้น ไม่ค่อยผสานกับนม | ฟองกลมกลืนกับนม รสชาตินุ่มละมุนกว่า |

อุณหภูมิที่เหมาะสำหรับการทำฟองนมคือเท่าไหร่?
ก่อนพูดถึงเทคนิคการสตีม เราต้องเข้าใจก่อนว่า อุณหภูมิของนมมีผลโดยตรงต่อรสชาติ นมร้อนช่วยเพิ่มความหวาน แต่มีจุดที่เหมาะสมที่สุด หากร้อนเกินไปจะทำให้สูญเสียรสหวานและอาจไหม้ได้
อุณหภูมิที่เหมาะสมอยู่ที่ 57–66°C ซึ่งเป็นช่วงที่นมให้รสหวานกลมกล่อมที่สุด หากใช้เทอร์โมมิเตอร์ ควรคำนึงถึงอาการหน่วงหลังจากตัดไอน้ำ เพราะอุณหภูมิอาจเพิ่มขึ้นอีก 5–10°C ดังนั้น ควรหยุดสตีมก่อนที่เทอร์โมมิเตอร์จะแสดงค่าที่ต้องการ
หากใช้สัมผัสเป็นตัววัด เมื่อเหยือกร้อนจนจับไม่ได้ นั่นคือสัญญาณว่าควรหยุดสตีมทันที เพื่อรักษาความหวานของนมและป้องกันไม่ให้ไหม้

ฟองนมที่ดีควรมีลักษณะอย่างไร?
ฟองนมที่ดีต้องเนียนละเอียดเป็นเนื้อเดียวกัน ไม่มีฟองอากาศกระจายตัวมากเกินไป เพราะฟองอากาศที่เยอะเกินทำให้เนื้อสัมผัสหยาบและไม่นุ่มละมุน
นอกจากนี้ ฟองนมควรนุ่มแน่นและมีรสชาติครีมมี่ของนมที่ชัดเจน เพื่อเพิ่มมิติของรสชาติในเครื่องดื่ม ซึ่งเป็นเหตุผลที่ร้านกาแฟคุณภาพให้ความสำคัญกับการเลือกใช้นมและเทคนิคการตีฟองที่เหมาะสม
นมชนิดไหนเหมาะกับการทำฟองนม?
การตีฟองนมนั้นก็นับว่าเป็นอีกปัญหาของมือใหม่ ซึ่งความจริงแล้ว การตีฟองนมสามารถเลือกใช้ผลิตภัณฑ์นมได้ทุกประเภทที่มีจำหน่ายทั่วไป เพียงแต่ประเภทของนมที่ต่างชนิดจะให้รสสัมผัสและการขึ้นฟูที่ไม่เหมือนกัน
- 1. นมวัวปกติ (Full Fat Milk): การขึ้นฟูสวยงาม อยู่ตัวได้นาน
- 2. นมพร่องมันเนย (Low Fat Milk): ตีขึ้นฟูง่าย ฟองนมเบาบาง แต่จะขาดความมันพอสมควร
- 3. นมจากพืช (Plant-Based Milk): ตีขึ้นฟองง่าย แต่ฟองจะหายไปไวกว่าแบบอื่น เพราะไขมันและโปรตีนที่น้อยกว่า
ตารางเปรียบเทียบชนิดนมสำหรับการทำฟองนม
| ชนิดนม | การขึ้นฟู | เนื้อสัมผัสฟองนม | ความมัน/รสชาติ | ความคงตัวของฟอง |
|---|---|---|---|---|
| นมวัวปกติ (Full Fat Milk) | ขึ้นฟูได้สวย | ฟองเนียน ละเอียด | มัน หอม เข้มข้น | อยู่ตัวได้นาน |
| นมพร่องมันเนย (Low Fat Milk) | ขึ้นฟูง่าย | ฟองเบา บางกว่า | มันน้อยกว่าแบบเต็ม | อยู่ตัวปานกลาง |
| นมจากพืช (Plant-Based Milk) เช่น อัลมอนด์, โซย่า, โอ๊ต |
ขึ้นฟูได้ แต่ไม่เนียนเท่านมวัว | ฟองหยาบกว่า | รสตามชนิดพืช (หอมอัลมอนด์, หวานโอ๊ต ฯลฯ) | ฟองหายไว ไม่คงตัว |
วิธีตีฟองนม หรือวิธีทำฟองนมในแต่ละอุปกรณ์จะใช้เทคนิคที่ต่างกัน จะได้ฟองนมแบบไหนบ้าง หลาย ๆ คนอาจนึกภาพไม่ออก
เพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน ควรใช้ปริมาณนม 100 มล. ที่แช่ในตู้เย็นอุณหภูมิ 10°C ในการพิสูจน์ประสิทธิภาพของการทำฟองนมในมิติต่าง ๆ เพื่อที่เราจะได้รู้ว่านมประเภทไหนเหมาะสำหรับมือใหม่และตอบโจทย์กับคุณมากที่สุด
เทคนิคการตีฟองนมที่ถูกต้องเป็นอย่างไร?
เทคนิคการสตีมนมให้ได้ฟองเนียนสวยอยู่ที่การวางตำแหน่งก้านไอน้ำกับผิวนม หากจุ่มตื้นเกินไป นมจะไม่ร้อนเพียงพอ แต่ถ้าจุ่มลึกเกินไป อากาศจะเข้าเยอะจนฟองหยาบ สิ่งที่ควรทำคือวางก้านไว้ใต้ผิวนมเล็กน้อย ปรับระดับจนได้ยินเสียงอากาศแทรกเข้ามาเป็นช่วง ๆ ซึ่งแสดงว่ามีอากาศเข้าสู่เนื้อนมพอดี
ช่วงต้นให้ “ใส่อากาศ” ตั้งแต่นมยังเย็น เมื่อผิวเหยือกเริ่มอุ่นให้จุ่มก้านลึกขึ้นเล็กน้อยและหามุมให้เกิดการหมุนวน (whirlpool) เพื่อช่วยแตกฟองใหญ่และทำให้นมเข้ากันได้อย่างสม่ำเสมอ เทคนิคนี้เหมาะทั้งการทำไมโครโฟมสำหรับลาเต้ และฟองนมฟูสำหรับคาปูชิโน่
ถ้าต้องการฟองนมที่เบาและฟู ให้ปล่อยให้อากาศเข้ามานานกว่าลาเต้เล็กน้อย และดูการขยายตัวของนมในเหยือกเป็นตัววัด เมื่อได้ปริมาตรที่ต้องการแล้ว ลดก้านลง รักษาการหมุนต่อเนื่องจนถึงอุณหภูมิประมาณ65–70°C จากนั้นปิดไอน้ำ นำก้านออก เช็ดทำความสะอาดและทำการ purge ทันที หากพบฟองใหญ่ให้เคาะและหมุนเหยือกเบา ๆ เพื่อปรับให้เนื้อฟองเนียนทั่วถึง
- - เริ่มที่นมเย็น วางปลายก้านไอน้ำ “ใต้ผิวนมเล็กน้อย”.
- - ปรับระดับให้ได้ยินเสียงอากาศเข้าเป็นช่วง ๆ เพื่อใส่อากาศพอดี.
- - เมื่อเหยือกเริ่มอุ่น จุ่มก้านลึกขึ้นเล็กน้อยและปรับมุมให้เกิดการหมุนวน.
- - ต้องการฟองฟูมากขึ้น → ใส่อากาศนานขึ้นเล็กน้อย (สังเกตปริมาตรนมที่ขยาย).
- - ทำความร้อนต่อเนื่องจนถึง 65–70°C แล้วปิดไอน้ำ.
- - เช็ดก้านและ purge ทันที เคาะและหมุนเหยือกเพื่อเก็บงานให้ฟองเนียน.
หากมองว่าขั้นตอนยุ่งยาก ปัจจุบันมีเครื่องตีฟองนมอัตโนมัติอย่าง Aeroccino3 ที่ทำฟองนมได้เนียนนุ่มละมุนทุกเมนู ใช้งานง่าย เพียงกดปุ่มก็ได้ทั้งฟองเนียนละเอียดสำหรับลาเต้ หรือฟองฟูสำหรับคาปูชิโน่ เหมาะกับมือใหม่และผู้ที่ต้องการความสะดวกในการทำกาแฟที่บ้าน
วิธีทำฟองนมและวิธีตีฟองนมแบบต่าง ๆ มีอะไรบ้าง?
1. เชคเกอร์ (Cocktail Shaker)

วิธีทำฟองนมด้วย “เชคเกอร์ (Cocktail Shaker)” ใส่นมลงในเชคเกอร์ ปิดฝาให้สนิท จากนั้นเขย่าแรง ๆ ต่อเนื่องประมาณ 2–3 นาที เพื่อเพิ่มฟองอากาศเข้าไปในนม
วิธีทำ
- 1. เทนมที่แช่เย็นลงในเชคเกอร์ (เว้นที่ว่าง ~1/3 ของภาชนะ)
- 2. ปิดฝาให้แน่น แล้วเขย่าแรง ๆ ต่อเนื่อง 2–3 นาที
- 3. พักไว้สักครู่ให้ฟองเซ็ตตัว นำไปเทใส่เครื่องดื่ม
ผลลัพธ์ที่ได้: ฟองนมแบบ Frothed Milk ฟองจะค่อนข้างใหญ่และเบา เนื้อไม่ละเอียดมาก เหมาะกับเมนูกาแฟใส่นมง่าย ๆ ที่บ้าน และสายออกกำลังกายเพราะได้ออกแรงเขย่า
2. เหยือกปั๊มฟองนม (Glass Milk Frother)

ใส่นมลงในเหยือกปั๊มฟองนม ปิดฝา จากนั้นดึงด้ามจับขึ้น–ลงอย่างต่อเนื่องประมาณ 3–4 นาที เป็นการใช้ความเร็วและแรงเพื่อเพิ่มอากาศเข้าสู่นม (หลักการเดียวกับเชคเกอร์)
วิธีทำ
- 1. เติมนมที่แช่เย็นลงในเหยือก (ไม่เกินครึ่งภาชนะ)
- 2. ดึงด้ามปั๊มขึ้น–ลงถี่ ๆ 3–4 นาที จนปริมาตรนมขยายตัว
- 3. เคาะเหยือกเบา ๆ และหมุนวนเพื่อไล่ฟองใหญ่ แล้วเทใช้งาน
ผลลัพธ์ที่ได้: ฟองนมฟูสวยงาม แต่มีฟองอากาศใหญ่กว่าไมโครโฟม เหมาะกับเมนูร้อนและเย็น และยังได้ออกแรงเหมือนการออกกำลังกายเล็ก ๆ
3. ทำฟองนมด้วยเครื่อง Aeroccino 3

เครื่องทำฟองนมแบบอัตโนมัติ ใช้งานง่าย เพียงกดปุ่มเลือกโหมด ความเร็วและอุณหภูมิจะถูกควบคุมให้เหมาะสมโดยอัตโนมัติ
วิธีทำ
- 1. เติมนมลงใน Aeroccino 3 ตามขีดกำหนด
- 2. กดปุ่มหนึ่งครั้ง (ไฟสีแดง) เพื่อทำฟองนมร้อน
- 3. กดปุ่มค้าง ~2 วินาที (ไฟสีฟ้า) เพื่อทำฟองนมเย็น
- 4. รอสักครู่จนเครื่องทำงานเสร็จ เทฟองนมลงในเครื่องดื่ม
ผลลัพธ์ที่ได้: ฟองนมเนียนละเอียด นุ่มละมุน ได้ทั้งแบบร้อนและเย็นอย่างรวดเร็ว มือใหม่ก็ทำได้ง่ายโดยไม่ต้องกังวลเรื่องเทคนิค
4. ทำฟองนมด้วยเครื่อง Barista Recipe Maker

Barista Recipe Maker เป็นเครื่องระบบอัตโนมัติที่ช่วยทำฟองนมรูปแบบต่าง ๆ หรือผสมเมนูได้ด้วยฟังก์ชันหลายโหมด ใช้งานง่ายและคงที่ทุกแก้ว
วิธีทำ (โหมด Cafè Viennois – ฟองนมเย็น)
- 1. ใส่นมสดลงในโถตามสัดส่วนที่แนะนำ แล้วเติมน้ำแข็ง 2–3 ก้อน
- 2. ปิดฝา เลือกโหมด Cafè Viennois
- 3. กดเริ่ม เครื่องจะทำงานอัตโนมัติประมาณ 80 วินาที
- 4. เสร็จแล้วเทฟองนมลงบนเครื่องดื่มที่ต้องการ
ผลลัพธ์ที่ได้: ฟองนมเย็นนุ่มหนาฟู คล้ายวิปครีม สีขาวเนียนราวปุยเมฆ เหมาะนำไปทำเมนูได้หลากหลาย เช่น คาปูชิโน่, มัคคิอาโต้ หรือราดบนโกโก้เย็น ให้ลุคมือโปรแบบบาริสต้า
5. ตีฟองนมด้วยเครื่องชงกาแฟอัตโนมัติ Creatista Pro

Creatista Pro นอกจากชงเอสเพรสโซได้แล้ว ยังสตรีมนมด้วยไอน้ำได้สะดวก เพียงใช้เหยือกพิชเชอร์ที่มากับเครื่อง เลือกโปรแกรมที่ต้องการ ทั้งระดับฟอง (Milk Froth) และอุณหภูมิ (Milk Temp) ปรับได้ตามใจ
วิธีทำ
- 1. รินนมลงในเหยือกพิชเชอร์ตามขีดบอก
- 2. วางเหยือกบนฐานสตีม จุ่มปลายก้านให้พอดี
- 3. เลือกเมนู Milk Only ปรับระดับฟองนมและอุณหภูมิตามต้องการ
- 4. กดเริ่ม เครื่องจะสตรีมอัตโนมัติและหยุดเองเมื่อถึงระดับที่ตั้งไว้
- 5. เคาะและหมุนเหยือกเบา ๆ เพื่อไล่ฟองใหญ่ ให้เนื้อฟองเนียนพร้อมเท
ผลลัพธ์ที่ได้: ฟองนมเนียนละเอียดแบบ “ไมโครโฟม” (Microfoam) เงา เนียน ลื่นไหล เหมาะสำหรับทำลาเต้อาร์ต และให้สัมผัสครีมมี่ในเมนูกาแฟร้อน
จากการสาธิตวิธีทำฟองนมหลายรูปแบบ จะเห็นว่าแต่ละวิธีให้ผลลัพธ์แตกต่างกัน หากเป็นมือใหม่ที่ทำที่บ้านและอยากได้วิธีง่าย ๆ ไม่ซับซ้อน เชคเกอร์ หรือ เหยือกปั๊มฟองนม ก็เพียงพอ
แต่ถ้าต้องการพัฒนาฝีมือให้สม่ำเสมอเหมือนบาริสต้า การใช้ตัวช่วยอย่าง Aeroccino 3, Barista Recipe Maker, หรือ Creatista Pro คือทางลัดที่ทำให้ได้ฟองนมมาตรฐานทุกครั้ง และช่วยให้เมนูกาแฟหรือเครื่องดื่มอื่น ๆ มีรสชาติลงตัวและหน้าตาสวยงาม
บทความถูกเขียนโดย
คุณเคน เนสเพรสโซบูติก เอ็มควอเทียร์