Header
กาแฟดีแคฟ (Decaf) คืออะไร ไม่มีคาเฟอีนจริงไหม มาหาคำตอบกัน
เปิดทุกมุมของกาแฟไม่มีคาเฟอีน
กาแฟนั้นขึ้นชื่อว่าเป็นเครื่องดื่มยอดฮิตที่ช่วยให้คุณตื่นตัวและกระปรี้กระเปร่า แต่จะเกิดอะไรขึ้น หากร่างกายคุณโหยหาคาปูชิโน่แก้วโปรดหลังบ่ายสามโมงเย็น ทางเลือกที่มีคือ 1) ชงกาแฟที่ดื่มประจำและรับคาเฟอีนเข้าไปเต็ม ๆ หรือ 2) เลือกดื่มกาแฟที่ไม่มีคาเฟอีน แต่กาแฟดีแคฟคืออะไร มีกระบวนการผลิตอย่างไร
กาแฟดีแคฟ (Decaf)
กาแฟดีแคฟหรือกาแฟไม่มีคาเฟอีน คือ กาแฟที่เมล็ดผ่านการสกัดคาเฟอีนออกไปจนเกือบหมด เป็นทางเลือกยอดนิยมสำหรับผู้ที่ต้องการลิ้มรสกาแฟโดยไม่ต้องการสารกระตุ้นจากคาเฟอีน
กาแฟดีแคฟมีรสชาติเป็นอย่างไร
เฉกเช่นเดียวกับกาแฟประเภทอื่น ๆ รสชาติและคุณภาพของกาแฟดีแคฟนั้นแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับเมล็ดกาแฟที่ใช้ กระบวนการคั่วเมล็ดกาแฟ กระบวนการคัดสรร จัดเก็บ และในกรณีนี้รวมถึง วิธีการสกัดคาเฟอีนที่เลือกใช้ระหว่างการสกัดโดยใช้สารละลายกับการสกัดโดยธรรมชาติ
เมล็ดกาแฟที่ผ่านการคัดสรรเป็นอย่างดี คั่วด้วยความประณีต เก็บรักษาเพื่อคงความสดใหม่ และผ่านการสกัดแบบธรรมชาติ ย่อมนำมาซึ่งรสสัมผัสที่เหนือกว่า หากคุณกำลังตามหาสูตรกาแฟดีแคฟระดับพรีเมียม วางใจได้เลยว่า Nespresso ได้รวบรวมสูตรกาแฟดีแคฟชั้นเลิศมาไว้ให้คุณแล้ว
ความแตกต่างระหว่าง กาแฟดีแคฟ กับ กาแฟปกติ
กาแฟดีแคฟจะมีปริมาณคาเฟอีนที่ร่างกายได้รับต่างจากกาแฟปกติทั่วไป โดยกาแฟดีแคฟจะมีคาเฟอีนน้อยกว่ากาแฟปกติถึง 97 % ซึ่งในด้านของรสชาติ กลิ่น หรือสีของกาแฟนั้นอาจมีการเปลี่ยนแปลงไปบ้างเล็กน้อย เช่น รสชาติหรือความเข้มที่อ่อนลง สีที่แตกต่างไปจากเดิม เป็นต้น
ซึ่งถ้าเปรียบเทียบกาแฟ 1 ถ้วยมีขนาด 8 ออนซ์จะได้รับคาเฟอีนประมาณ 100 มิลลิกรัม กาแฟดีแคฟปริมาณคาเฟอีนจะเหลืออยู่ประมาณ 3 มิลลิกรัมเท่านั้น ทำให้กาแฟดีแคฟหรือกาแฟไม่มีคาเฟอีนดีต่อสุขภาพมากกว่าการบริโภคกาแฟที่มีคาเฟอีนในปริมาณที่มากเกินความจำเป็นของร่างกาย
ข้อดีของกาแฟดีแคฟ
1. กาแฟดีแคฟช่วยแก้อาการอยากกาแฟในผู้ที่เสพติดกาแฟได้ เพราะกาแฟไม่มีคาเฟอีน แต่ยังให้กลิ่น และรสชาติที่คล้ายกับกาแฟปกติอยู่ เพียงแต่จะไม่ได้รับคาเฟอีนเข้าไป
2. มีสารต้านอนุมูลอิสระเหมือนกาแฟปกติ ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคต่าง ๆ เช่น มะเร็ง เบาหวาน ความดันโลหิตสูง เป็นต้น
3. มีสารอาหาร แร่ธาตุ และวิตามินหลายชนิดที่มีประโยชน์กับร่างกาย เช่น วิตามินบี 3 โพแทสเซียม เหล็ก แมกนีเซียม เป็นต้น
4. กาแฟดีแคฟไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองในกระเพาะอาหาร เหมาะกับผู้ที่เป็นโรคกระเพาะ มีแผลในกระเพาะอาหาร รวมถึงผู้ที่มีปัญหาด้านระบบทางเดินอาหาร เช่น กรดไหลย้อน เป็นต้น
5. กาแฟไม่มีคาเฟอีนไม่ทำให้เกิดอาการข้างเคียงสำหรับผู้ที่ไวต่อคาเฟอีน เช่น อาการใจสั่น นอนไม่หลับ ปวดศีรษะ คลื่นไส้ เป็นต้น
กาแฟที่ไม่มีคาเฟอีน เหมาะสำหรับใครบ้าง ?
1. ผู้ที่มีโรคประจำตัว
เนื่องจากคาเฟอีนอาจกระตุ้นให้อาการของโรคกำเริบหรือรุนแรงขึ้นได้ โดยโรคหรือภาวะผิดปกติที่ควรเลี่ยงหรือลดคาเฟอีน เช่น โรคเกี่ยวกับการนอนหลับ โรคไมเกรนหรือโรคปวดหัวเรื้อรังชนิดอื่น โรควิตกกังวล โรคกรดไหลย้อน ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ ภาวะหัวใจเต้นเร็วผิดปกติ ภาวะความดันโลหิตสูง และผู้ที่มีแผลในกระเพาะ เป็นต้น
2. ผู้ที่ใช้ยารักษาโรค
คาเฟอีนอาจทำปฏิกิริยากับยาบางชนิด ที่อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียง หรือยาออกฤทธิ์ได้ไม่เต็มที่ โดยเฉพาะกลุ่มยาที่เกี่ยวข้องกับการรักษาโรคทางระบบประสาท กลุ่มยาปฏิชีวนะ และกลุ่มยาต้านการแข็งตัวของเลือด
3. เด็กและสตรีมีตั้งครรภ์
ทารก เด็ก และหญิงตั้งครรภ์ควรจำกัดการดื่มกาแฟหรือการรับคาเฟอีนในรูปแบบต่าง ๆ เนื่องจากอาจส่งผลต่อเด็กหรือทารกในครรภ์ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนจากคาเฟอีนขณะตั้งครรภ์ได้ นอกจากนี้ ยังรวมถึงคุณแม่ที่กำลังให้นมบุตรเนื่องจากคาเฟอีนอาจเข้าสู่กระแสเลือดและส่งผ่านน้ำนมไปยังทารกได้
กระบวนการสกัดคาเฟอีนจากกาแฟ
กระบวนการสกัดคาเฟอีน คือการชะล้างคาเฟอีนออกจากเมล็ดกาแฟที่ยังไม่ผ่านการคั่ว ซึ่งสามารถทำได้หลายวิธี ได้แก่ การใช้สารทำละลาย หรือวิธีที่ธรรมชาติกว่าอย่างการสกัดด้วยน้ำ
กระบวนการแรกเริ่มจากการแช่เมล็ดกาแฟในน้ำแล้วเติมสารทำละลายเพื่อดูดซับคาเฟอีนที่อยู่ในน้ำ โดยสารที่นิยมใช้ในกระบวนการนี้ได้แก่ เมทิลีนคลอไรด์ และเอทิล อะซิเตท