6 สูตรกากกาแฟขัดผิว ตัวช่วยฟื้นฟูผิวให้สดใสเปล่งปลั่ง ดูกระจ่างใส
กาแฟไม่ได้เป็นเพียงเครื่องดื่มที่ช่วยให้คุณตื่นตัว กระปรี้กระเปร่า แต่รู้หรือไม่ว่า กากกาแฟที่หลงเหลือจากการชงกาแฟ มีประโยชน์สารพัด สามารถนำกากกาแฟขัดผิวทั้งผิวหน้า ผิวกาย หรือแม้กระทั่งนำมาสครับผิวปากได้อีกด้วย วันนี้เนสเพรสโซจะพาทุกคนไปรู้จักกับประโยชน์ของกากกาแฟ พร้อมแบ่งปันสูตรเสริมสวยที่ทำตามได้ไม่ยาก ส่วนผสมหาซื้อง่าย และเห็นผลจริง

กากกาแฟ คืออะไร?
กากกาแฟ คือ เศษที่เหลือจากกระบวนการคั่ว และบดกาแฟ ซึ่งเป็นส่วนที่ไม่ละลายน้ำหลังจากผ่านการสกัดรสชาติ และกลิ่น มีลักษณะเป็นเศษแห้ง ๆ เนื้อสัมผัสหยาบ แต่ยังมีความชื้นหลงเหลืออยู่ และถึงแม้กากกาแฟจะเป็นเพียงเศษเหลือ แต่อย่าพึ่งนำไปทิ้ง เพราะกากกาแฟมีประโยชน์มากมาย โดยหนึ่งในประโยชน์ คือ การทำเป็นกากกาแฟขัดผิว ช่วยให้ผิวพรรณดูผ่องใส เปล่งปลั่งได้นั่นเอง
คุณสมบัติของกากกาแฟขัดผิวมีอะไรบ้าง?
กากกาแฟมีคุณสมบัติหลากหลายประการที่ควรค่าแก่การนำมาขัดผิว ไม่ว่าจะเป็นเนื้อสัมผัสหยาบที่จะช่วยขัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือดใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวดูสุขภาพดี ดูเรียบเนียน

กากกาแฟช่วยให้ผิวขาวขึ้นจริงไหม?
การใช้กากกาแฟขัดผิวขาวจริงไหม? กากกาแฟขัดผิวไม่ได้ช่วยให้ผิวขาวขึ้นหรือเปลี่ยนเฉดสีผิวให้ขาวขึ้นโดยตรง แต่จะช่วยให้ผิวดูกระจ่างใส และเนียนนุ่มขึ้นจากการขัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว อีกทั้งยังสามารถช่วยบำรุงสภาพผิวให้ดีขึ้นด้วยการกระตุ้นการไหลเวียนเลือด และช่วยลดความหมองคล้ำ

กากกาแฟขัดผิวมีประโยชน์อะไรบ้าง?
1. ผลัดเซลล์ผิวเก่า
เนื้อสัมผัสที่หยาบอ่อน ๆ ของกากกาแฟขัดผิว จะช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ช่วยให้ผิวกายดูสดใส เปล่งปลั่ง และเนียนนุ่มยิ่งขึ้น ลดการสะสมของคราบสกปรก กำจัดขี้ไคล และช่วยให้ผิวสามารถดูดซึมผลิตภัณฑ์บำรุงผิวได้ดียิ่งขึ้น
2. กระตุ้นการไหลเวียนเลือด
การขัดผิวด้วยกากกาแฟสามารถช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือดใต้ผิวหนังได้ ซึ่งช่วยให้ผิวดูกระจ่างใส ลดความหมองคล้ำ ผิวดูอมชมพูจากเลือดฝาด
3. เซลลูไลท์แลดูจางลง
นอกจากการใช้กากกาแฟขัดผิว จะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือด ลดอาการบวมน้ำใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวที่ดูเปล่งปลั่ง สุขภาพดีแล้ว ยังช่วยให้รอยเซลลูไลท์หรือผิวที่ดูเป็นคลื่นจากไขมันสะสมใต้ผิวหนังดูจางลง ผิวดูเรียบเนียน
4. เติมความชุ่มชื้น
การนำกากกาแฟขัดผิวหรือนำกากกาแฟไปผสมกับวัตถุดิบอื่น ๆ เพื่อทำการบำรุง เช่น มาสก์ผิวหน้า จะช่วยเติมความชุ่มชื้น ให้ผิวดูเรียบเนียน นุ่มเด้ง
6 สูตรบำรุงหัวจรดเท้าด้วยกากกาแฟขัดผิวมีอะไรบ้าง?
เนสเพรสโซรวบรวมสูตรเสริมสวยด้วยกากกาแฟตั้งหัวจรดเท้ามาให้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นสูตรกากกาแฟขัดผิว สูตรหมักผม มาสก์หน้า ใต้ตา สครับปาก และอื่น ๆ ไปดูพร้อมกันเลย

1. สูตรหมักผมด้วยกากกาแฟ
นอกจากนำกากกาแฟขัดผิวแล้ว ยังนำมาหมักผมได้เช่นกัน โดยการหมักผมด้วยกากกาแฟมีหลายสูตร วันนี้เนสเพรสโซขอแนะนำสูตรที่ทำได้ง่าย ไม่ต้องใช้อุปกรณ์หรือส่วนผสมอื่น ๆ เพิ่มเติม
วิธีทำ
- 1. ผสมกากกาแฟกับครีมนวดเข้าด้วยกัน โดยใช้ช้อนขัดเงิน View spoon จาก Nespresso
- 2. ชโลมกากกาแฟที่ผสมกับครีมนวด และนวดหนังศีรษะเบา ๆ เป็นวงกลมทั่วทั้งศีรษะ
- 3. ทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด
- 4. แนะนำให้ทำ 2–3 ครั้งต่อสัปดาห์ เพื่อผมที่ดูเงางาม

2. สูตรสครับผิวหน้าด้วยกากกาแฟ
สูตรสครับหน้าหรือขัดผิวด้วยกากกาแฟที่จะช่วยให้ผิวคุณนุ่มเด้ง ดูชุ่มชื้น สามารถทำได้ตามด้านล่างนี้
วิธีทำ
- 1. ผสมกากกาแฟ 1 ช้อนโต๊ะกับน้ำผึ้งหรือเบบี้ออยล์ 1 ช้อนโต๊ะในถ้วยเล็ก ๆ ไซส์กะทัดรัดแบบ Barista Cappucino small จาก Nespresso แล้วคนให้เข้ากัน
- 2. นำส่วนผสมขัดผิวหน้าเบา ๆ เป็นวงกลม
- 3. ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด
- 4. ควรทดสอบที่ผิวบริเวณเล็ก ๆ ก่อนเพื่อตรวจสอบอาการแพ้

3. สูตรมาสก์ใต้ตาด้วยกากกาแฟ
ปัญหาใต้ตาดำจนดูเหมือนหมีแพนด้า สามารถกู้คืนความสดใสรอบดวงตาได้ตามสูตรนี้
วิธีทำ
- 1. แช่กากกาแฟในช่องฟรีซประมาณ 2–3 ชั่วโมง
- 2. นำกากกาแฟที่แช่แล้วมาทาบริเวณใต้ดวงตา
- 3. ทิ้งไว้ประมาณ 10–15 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด
- 4. ทำ 2–3 ครั้งต่อสัปดาห์ เพื่อลดรอยคล้ำและการอักเสบ
เคล็ดลับ: ใครที่มีปัญหาตาบวมสามารถนำช้อนขัดเงิน View spoon จาก Nespresso ไปแช่ช่องฟรีซแล้วมาประคบได้

4. สครับปากด้วยกากกาแฟ
นอกจากจะใช้กากกาแฟขัดผิวหน้าและผิวกายแล้ว ยังสามารถนำมาขัดริมฝีปากให้เนียนนุ่มได้
วิธีทำ
- 1. ผสมกากกาแฟ 1 ช้อนชากับน้ำมันมะกอก 2 ช้อนชา คนให้เข้ากัน
- 2. นวดส่วนผสมที่ริมฝีปากเบา ๆ เป็นวงกลม
- 3. ทิ้งไว้ประมาณ 3–5 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด
- 4. ทำอย่างน้อย 3 ครั้งต่อสัปดาห์ เพื่อริมฝีปากชุ่มชื้นไม่แตกแห้ง

5. สูตรสครับผิวด้วยกากกาแฟ
ขัดผิวด้วยกาแฟช่วยให้ผิวเนียนนุ่ม ดูผ่องเป็นยองใย เพราะช่วยขจัดสิ่งสกปรกและกระตุ้นการไหลเวียนเลือด
วิธีทำ
- 1. ผสมกากกาแฟ 2 ช้อนโต๊ะกับน้ำตาลทรายและน้ำมันมะกอก อย่างละ 1 ช้อนโต๊ะ คนให้เข้ากัน
- 2. นำส่วนผสมขัดผิวเบา ๆ และทิ้งไว้ประมาณ 2–3 นาที
- 3. ล้างออกด้วยน้ำสะอาด
- 4. ทำอย่างน้อย 2–3 ครั้งต่อสัปดาห์ เพื่อช่วยให้ผิวเนียนนุ่ม

6. สูตรแก้เท้าแตกด้วยกากกาแฟ
เท้าแตก เดินแล้วเจ็บ สามารถฟื้นฟูได้ด้วยการใช้กากกาแฟขัดผิว กู้ส้นเท้าแตกให้กลับมาเนียนนุ่ม
วิธีทำ
- 1. ผสมกากกาแฟ ¼ ถ้วยกับน้ำมันมะกอก ¼ ถ้วย พร้อมกล้วยสุกครึ่งลูก และเกลือครึ่งถ้วยตวง คนให้เข้ากัน
- 2. นำส่วนผสมทาให้ทั่วฝ่าเท้า และนวดเบา ๆ ประมาณ 10–15 นาที
- 3. ล้างออกด้วยน้ำอุ่น และบำรุงด้วยบอดี้ออยล์
- 4. ทำอย่างน้อย 2 ครั้งต่อสัปดาห์ เพื่อลดปัญหาส้นเท้าแตก
ใช้กากกาแฟขัดผิวอย่างไรให้ถูกต้อง?
การใช้กากกาแฟขัดผิวให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัย ควรทำตามขั้นตอนและข้อควรระวังดังนี้:
เลือกกากกาแฟที่บดละเอียดและสะอาด
- ใช้กากกาแฟคั่วบดที่เหลือจากการชง โดยตากให้แห้งเพื่อป้องกันเชื้อรา
- หลีกเลี่ยงกากที่มีกลิ่นบูดหรือปนเปื้อนสารเคมี
ผสมกับส่วนผสมที่ให้ความชุ่มชื้น
- เช่น น้ำมันมะพร้าว, น้ำมันอัลมอนด์, น้ำผึ้ง หรือโยเกิร์ต
- ช่วยลดการเสียดสีและเพิ่มความชุ่มชื้นแก่ผิว
วิธีขัดที่ถูกต้อง
- ล้างผิวด้วยน้ำอุ่นเพื่อเปิดรูขุมขน
- นำสครับกากกาแฟนวดเบา ๆ เป็นวงกลมบนผิว
- เน้นบริเวณที่ผิวหยาบกร้าน เช่น ข้อศอก, เข่า, ต้นขา
- หลีกเลี่ยงการขัดแรงเกินไป โดยเฉพาะผิวที่บอบบาง
ความถี่ในการใช้
- แนะนำ 1–2 ครั้งต่อสัปดาห์ ไม่ควรขัดทุกวัน เพื่อป้องกันการระคายเคือง
หลังการขัดผิว
- ล้างออกด้วยน้ำสะอาดและซับให้แห้ง
- ทาครีมหรือโลชั่นเพื่อกักเก็บความชุ่มชื้น
ข้อควรระวังในการใช้กากกาแฟมีอะไรบ้าง?
1. ต้องตากให้แห้งสนิทก่อนใช้
กากกาแฟมีความชื้นสูง ทำให้เสี่ยงเกิดเชื้อรา หากไม่ผึ่งให้แห้งก่อนใช้งาน เช่น ใช้เป็นปุ๋ย ดับกลิ่น หรือขัดเครื่องครัว อาจเกิดกลิ่นเหม็นหรือเชื้อราตามมาได้ ดังนั้นควรนำไปตากแดดให้แห้งแล้วเก็บในภาชนะที่ระบายอากาศได้ดี
2. หลีกเลี่ยงการใช้ในบริเวณที่มีเด็กหรือสัตว์เลี้ยง
กากกาแฟอาจกระจายเป็นฝุ่นละเอียด และบางสูตรผสมกับน้ำมันหรือสารอื่น เพื่อป้องกันการบริโภคโดยไม่ตั้งใจ โดยเฉพาะในเด็กเล็กหรือสัตว์เลี้ยง ควรใช้อย่างระมัดระวังหรือวางในที่ปลอดภัย
3. ใช้ปุ๋ยหรือหมักต้องระวังการเกิดเชื้อราและศัตรูพืช
แม้กากกาแฟจะให้ธาตุอาหารและช่วยปรับสภาพดิน แต่หากใช้ในปริมาณมากโดยไม่ผ่านการหมักหรือไม่ได้ตากจนแห้ง อาจส่งเสริมเชื้อราหรือแมลงศัตรูพืชเข้าสู่ดินสวนได้
4. ไม่ควรเผาทำลายกากกาแฟ
การเผากากกาแฟแห้งจะปล่อยไนโตรเจนออกไซด์ (NOx) ซึ่งเป็นก๊าซอันตรายต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการเผาแบบไม่ควบคุม
5. ใช้ขัดผิวหรือสครับต้องบดให้ละเอียดและระวังการระคายเคือง
กากกาแฟที่บดหยาบหรือมีอนุภาคคม อาจทำให้ผิวหนังระคายเคืองหรือเป็นรอยขีดข่วน โดยเฉพาะบริเวณบอบบาง เช่น ใต้ตา หรือผิวหน้า จึงควรใช้กากกาแฟบดละเอียดผสมน้ำมันหรือครีม และขัดเบา ๆ เพื่อความปลอดภัย
การใช้กากกาแฟขัดผิวเป็นอีกหนึ่งวิธีการดูแลผิวที่ได้รับความนิยม ด้วยคุณสมบัติหลายประการที่ช่วยฟื้นฟูสภาพผิว ผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ผิวดูสดใส และเนียนนุ่มขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือดใต้ผิวหนัง ซึ่งทำให้ผิวดูสุขภาพดี รวมถึงประโยชน์อื่น ๆ อีกมากมาย ทุกคนลองไปทำตามสูตรเสริมสวยด้วยกากกาแฟที่เนสเพรสโซนำมาฝากวันนี้กันได้เลย
เนสเพรสโซเชิญคุณมาลิ้มลองประสบการณ์ใหม่ของกาแฟกลิ่นส้มสุดหอมละมุน คัดสรรกาแฟแคปซูลคุณภาพระดับพรีเมียม พร้อมเครื่องชงกาแฟแคปซูลที่ออกแบบอย่างพิถีพิถัน เพื่อสร้างสรรค์รสชาติกลมกล่อมในทุกแก้ว เติมเต็มความพิเศษให้เช้าวันใหม่ของคุณเหนือกว่าที่เคย